เทพบุตรเดินเดิน & เทพบุตรมาเฟีย - ม่ออู่

เรื่อง เทพบุตรเดินเดิน & เทพบุตรมาเฟีย
โดย ม่ออู่ (Mo Wu) แปลโดย เกาเฟย


เทพบุตรเดินเดิน

[23/05/21]

เทพบุตรมาเฟีย


จากภาคที่แล้วสรุปว่าเย่เฟิงเคยเป็นคุณชายสุดอหังการ ทายาทอัจฉริยะของเย่เป้ยกงที่เป็นอันดับสองในสี่ขุนพลของ เสิ่นจ้งชาง หรือ เสิ่นกงวั่ง ที่ทรงอิทธิพลในระดับโลก ขุนพลที่เหลือคือ ฮวาเถี่ยซู่, จินเมิ่งไหล และ ไป๋เฉิง ท่านเสิ่นอายุมากแล้วและเริ่มส่งถ่ายอำนาจ ถึงทั้งสี่จะได้แบ่งทรัพย์สินมากมาย แต่เย่เป้ยกงได้เป็นผู้จัดการดูแลกิจการของท่านเสิ่นซึ่งมากกว่าคนอื่นอย่างมหาศาล ทำให้ฮวาเถี่ยซู่กับลูกชายโทน ฮวาเจี้ยนปิง ได้แสดงท่าทีไม่พอใจออกนอกหน้า

เมื่อสามปีก่อนเย่เฟิงพบความพ่ายแพ้ที่เจ็บปวดอย่างหนักจากการการตายของ ไป๋เฉินเป้ย เพราะรับกระสุนแทน หมดความคิดต่อสู้และเสียสติไปสามปี เมื่อความจำกลับมาแล้วก็มีความเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่ทั้งคุณชายหรือคนหลักลอย เย่เฟิงที่ต้องการปิดบังคนอื่นเรื่องความจำจึงแยกออกจากฟางจูหยุนเพราะกลัวจะทำให้เป็นอันตรายจนกว่าเรื่องจะสงบ (ซึ่งก็ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่) และก็ดูเหมือนจะตัดสวี่ซูถิงด้วย ตอนนี้บุคลิกเย่เฟิงคือ คล้ายเป็นโรคซิมเศร้าอย่างคนแก่ แถมพกด้วยอาการไร้นิวรณ์อย่างคนหนุ่มสาว มักทำท่าซังกะตายตลอดเวลา

เย่เฟยรับงานผู้จัดการไนต์คลับเทียนเทียนของหลงเวย อยู่ได้ไม่กี่วันก็จัดการให้แม่เล้า (ตรงนี้ใช้คำแรงมากเลยนะ) พาสาวออกไปซบคู่แข่งคือไนต์คลับต้าฟู่เวิงของอดีตทหาร ฉิวฟู่ ที่เพิ่งย้ายมาเสินเจินเมื่อสองปีก่อน และมีน้องเมีย เหมยรั่วหวา เป็นผู้ช่วยสำคัญ เมื่อเย่เฟิงพาลูกน้องไปดูลาดเลาที่ต้าฟู่เวิงก็ได้แสดงความเทพด้านทักษะดีเจ แล้วก็หาพนักงานเข้ามาเปลี่ยนแปลงกิจการอย่างรวดเร็ว บุกเบิกลูกค้าตลาดใหม่

ฮวาเจี้ยนปิงเริ่มกระบวนการกำจัดเย่เฟิงโดยเชิดทั้งหลงเวยและฉิวฟู่ แต่เย่เฟิงที่ความจำกลับมาและติดต่อกับกลุ่มคนสนิทกลุ่มซันซือ (ซือหม่าจ้าว, ซือถูคง และ ซือคงหมิง ที่คุมกำลังหน่วยมังกร พยัคฆ์ เสือดาว เหยี่ยว และพิราบ) ย่อมตัดทางฮวาเจี้ยนปิงได้อย่างราบรื่นโดยไม่แสดงขุมกำลัง แถมฮวาเจี้ยนปิงยังพลาดไปฆ่าลูกชายของ คุนตง เจ้าพ่อยาเสพติดจากเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ตอนที่ฮวาเจี้ยนปิงเดินทางไปสนามบินอย่างพ่ายแพ้ก็ถูกเก็บ

ฐานะเป็นเกียรติยศชนิดหนึ่ง และเป็นโซ่ตรวนชนิดหนึ่งเช่นกัน ... เย่เฟิงไปฝรั่งเศสไปพบเจ้าพ่อสุราของยุโรป คลีโคต์ ตามคำบอกของผู้เร้นกายซึ่งก็ได้เรื่องเกี่ยวกับแม่ที่เย่เป้ยกงบอกว่าเสียชีวิตไปนานแล้วแต่กลายเป็นว่าก่อนตายเคยอาศัยที่คฤหาสน์ของคลีโคต์และส่งไป๋เฉินเป้ยมาคุ้มครองลูกชาย ร่วมมือกับประธานบริหาร และยังไปยุ่งเกี่ยวกับการซื้อขายในวงการสุราของยุโรปที่มาเฟียเข้ามาก้าวก่าย ระหว่างนี้ก็ได้ช่วย ชอยจุงเอ ลูกสาวของ ชอยซึงบู ประธานบริษัทโมเดิร์นโคเรียที่ทำธุรกิจโรงแรมและเพิ่งเสียชีวิต ภรรยาคนที่สอง คิมซุนจิน ต้องการกำจัดลูกเลี้ยงที่เป็นผู้รับมรดกหลักตามพินัยกรรม และเย่เฟิงก็แสดงความรู้ดีเยี่ยมด้านอาหารฝรั่งเศส

เย่เฟิงต่อไปร่วมการประชุมจ่ายงานของท่านเสิ่นกับสี่ขุนพลที่ซูริค จินเมิ่งไหลไปสืบเรื่องฮวาเจี้ยนปิง (มีการเปิดเผยภายหลังว่าจินเมิ่งไหลเป็นคนส่ง เคอซ่ง ไปทำงานให้ฮวาเจี้ยนปิงเพื่อเป็นสายในการลอบฆ่า) ไป๋เฉิงไปเจรจากับนายพล กรินทร์ ที่เป็นแบ็คของคุนตง แต่ก่อนที่จะสำเร็จคุนตงที่ระเบิดโทสะก็ถูกไป๋เฉิงฆ่า ส่วนเย่เฟิงรับไปสืบเรื่องที่จินหมิงไหลไปพัวพันกับคดีฆาตกรรมลูกเขยหัวหน้ามาเฟียมาเก๊า หย่าคู่จี๋ ซึ่งก็เจ็บหนักทำให้การแบ่งปันผลประโยชน์ของมาเพียในภูมิภาคเกิดการแย่งชิงกันใหม่ โดยเย่เฟิงยืมมือจางฟาไฉจัดการได้เรียบร้อย

เมื่อไป๋เฉิงต้องเก็บตัว เย่เฟิงจึงเดินทางมาประเทศไทยกับเซียนเซียน กิจการท่านเสิ่นมีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับ ธำรง ที่สร้างตัวจากธุรกิจโทรคมนาคม (ช่วงนี้ฮามากกับการล้อเลียนนักการเมืองไทย) แต่ธำรงที่กุมอำนาจถูกต่อต้านจนสถานะสั่นคลอน ทางท่านเสิ่นก็ต้องพิจารณาว่าจะเดินหมากอย่างไรต่อ เมื่อเย่เฟิงเข้าไทยก็ได้พบกับพันเอก ทนงศักดิ์ หน่วยงานรักษาความมั่นคงที่มีอิทธิพลไม่แพ้กลินทร์และยังรู้เรื่องลูกลับของท่านเสิ่นที่ทำให้ฐานะทายาทของเย่เป้ยกงและเย่เฟิงสั่นคลอน


แต่ความจริงเย่เฟิงก็ได้ข่าวเรื่องลูกชายนี้ก่อนแล้วและส่งซือถูคงไปตรวจสอบ มีความคิดจะแยกจากตระกูลเสิ่นตั้งแต่ห้าปีก่อน จึงเริ่มสะสมบุคลากรของตนเอง และยังสงสัยว่าคนที่ต้องการชีวิตตนในช่วงหลายปีหลังคือท่านเสิ่นซึ่งนอกจากต้องการดันหลานชายแท้ๆ ที่เพิ่งพบตัวคือเสิ่นเสี้ยวเทียนขึ้นมาเป็นทายาทแล้ว ยังมีแค้นที่แม่ของเย่เฟิง ไป๋เสวี่ยโหรว ฆ่า เสิ่นโส่วเย่ ที่เป็นลูกชายคนเดียวของท่านเสิ่นกับคนรัก หยางชุ่ยเหลียน ด้วย ทำให้เย่เป้ยกงต้องแยกกับภรรยาและเลี้ยงเย่เฟิงขึ้นมาทดแทนให้ท่านเสิ่น

ซึ่งเย่เฟิงก็เหมือนโดนตัดจากระดับความสำคัญ เสิ่นเสี้ยวเทียนถูกดันขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนตระกูลเสิ่นในวงการเมืองของไทยขณะธำรงยุบสภาให้เลือกตั้งใหม่ แต่ตัวเย่เฟิงเป็นที่สนใจของ ชุนรั่วหลาน คุณหนูที่ท่านเสิ่นเคยจะจับคู่ให้ โดยตระกูลชุนมีอำนาจพอๆ กับเสิ่น แถมยังเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลหงที่มีบทบาทในประวัติศาตร์จีนมากกว่าสามร้อยปี แพร่ขยายไปทั่วโลก เพียงแต่ไม่มีความเป็นปึกแผ่นนัก

ในวงการองค์กรลับของจีนที่นำโดยตระกูลหง ภายในก็แตกออกเป็นสกุลใหญ่ หง ชุน ลี่ ไป๋ หม่า อีกทีหนึ่ง โดยเสิ่นกงวั่งก็เป็นขั้วอำนาจใหม่ที่เข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งและมีฐานใหญ่อยู่ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ สมัยก่อนเสิ่นกงวั่งที่เคยเป็นคนตระกูลหงก็ร่วมมือกับสกุลไป๋โดยแต่งงานกับน้องสาวลูกพี่สกุลไป๋ ไป๋ไท่ไหล แต่ภายหลังล่วงเกินตระกูลหงจึงถูกไล่ล่าหนีออกนอกประเทศ เมื่อเย่เป้ยกงแต่งงานกับไป๋เสวี่ยโหรวที่เป็นลูกสาวลูกพี่ไป๋ การแต่งงานจึงถูกคัดค้านและจบลงอย่างไม่สวยมาก ตระกูลเสิ่นและสกุลไป๋จึงถือเป็นศัตรูไม่ร่วมโลกกัน แต่ก็ไม่ได้ลงมือซึ่งหน้าเพราะเรื่องผลประโยชน์มาก่อน

หลังการปะทะกับจินเมิ่งไหล เย่เฟิงก็ทำให้เหมือนตายเพื่อกบดาน โดยอาศัยช่วงที่ตระกูลเสิ่นมุ่งความสนใจอยู่ที่การเมืองในประเทศไทยไปตั้งหลักที่หยุนหนาน ในเขตนี้ผู้มีอำนาจมากคือสกุลไป๋ที่ ไป๋เสียนหมิง เป็นตัวแทนในเขต สกุลชุนนำโดย ชุนชิงสือ ที่ลูกสาวชุนรั่วหลาน ตามจีบเย่เฟิงอย่างหนึบ ส่วนสกุลหงที่กำลังเสื่อม ผู้นำ หงเลี่ยง ก็สุขภาพย่ำแย่ สกุลลี่ส่งคุณชายใหญ่ ลี่สุยเฟิง และภายหลังแม่ จี้หงเสีย ที่กุมอำนาจมากก็ตามมาอีกเพราะเรื่องลูกสาวที่หายไป ส่วนสกุลหม่าที่ฐานอำนาจอยู่เขตอื่นมีแต่คุณชาย หม่าไห่เลี่ยง

เมื่อเรื่องหนักหนามาก ที่แสดงตัวคือสองบุคคลลี้ลับที่ทรงอำนาจในตระกูลหง คือ เฉินเทียนหลง แห่งสกุลไป๋ และ หม่าหงซิง แห่งสกุลหม่าที่มีคำกล่าวว่า 'ดาวแดงส่องพสุธามังกรผ่านฟ้า จอมนาคาเดินทางพันลี้ย้อมปฐพีสีแดง' เมื่อถึงตอนนี้ ปมที่ตั้งไว้เช่นผู้เร้นกาย ครอบครัวของท่านเสิ่น การเมืองไทย ฯลฯ ก็เข้าสู่จุดสิ้นสุดโดยมีเย่เฟิงเป็นตัวเดินเรื่องสำคัญ ฟ้าดินไร้หัวใจ ไม่มีสรรพสิ่งใดอาจผูกมัด ในสายตาของสวรรค์เบื้องบน พวกเราก็เหมือนๆ กันทั้งนั้น เธอไม่ใช่ตัวหมาก เธอคือเย่เฟิง หากเธอไม่ทำ รับรองไม่มีใครไปบังคับให้เธอทำเด็ดขาด ถ้าเธอจะทำ นั่นก็เพราะเธออยากทำเท่านั้น ถึงเย่เฟิงสามารถปลดพันธนาการตระกูลเสิ่นได้ แต่ที่ลำบากใจที่สุดคือหนี้รักของสามสาว (จขบ. ว่าผู้แต่งชิ่งหนีมากกว่า!)
[19/10/16, 12/01/17, 27/03/17, 15/05/17, 23/05/21]

เรื่องนี้โดยเฉพาะภาคแรกอ่านแล้วนึกถึงอารมณ์ของนิยายบุกเบิกตะวันตก โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการขุดทองหรือขุดน้ำมันผสมกับเรื่องมาเฟียและผู้มีอิทธิพลเหนือกฎหมายทั้งหลาย คือเห็นการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจโดยกระทันหัน ในบางแง่มีความหยาบกร้านของชีวิต ความทะเยอทะยานอยาก หยิ่งผยองกระทำเอาหน้าแบบไม่ยอมกัน และความตื้นเขินของการไต่ชนชั้น ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติในยุคสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลงมหาศาลแบบนี้นะคะ

ขอออกนอกเรื่องว่าสำหรับโครงเรื่องนิยายตะวันตกอเมริกา จขบ. ชอบสไตล์นี้ที่สุดแล้ว แบบว่าสู้กับอินเดียนแดงไม่อิน นิยมพวกสร้างบ้านแปงเมือง อย่างนิยายของ Louis L'Amour เรื่องที่จขบ. ชอบที่สุดคือ 'Comstock Lode' ที่เป็นเรื่องยุคตื่นเงิน ที่แตกต่างคือในนิยายสมัยเก่าอย่างไรพระเอกก็ต้องเป็นลูกผู้ชายมีศีลธรรมเป็นหลัก แต่เรื่องนี้พระเอกจะออกเทาเอามาก ซึ่งก็เข้ากับยุคสมัยที่นิยมแบบนี้มากกว่า

การดำเนินโครงเรื่องในบางช่วงรู้สึกจะเน่าเหมือนกัน บวกกับพระเอกที่มีสกิลหลายด้านอย่างเทพที่ทำเอานึกถึง 'เทพศาสตร์ ซากาโมโต้' เลย อ่านแล้วเวอร์และตลกไม่น้อย 555 เรื่องซุบซิบนินทาทั้งหลายก็เวอร์ได้ฮามากค่ะ ในภาคแรกมีมุมมองด้านความไฮโซที่มีรากฐานจากวัฒนธรรมตะวันตกอยู่หลายตอน โดยเฉพาะตอนชิมไวน์ที่ทำให้นึกถึงนิยายไทยเก่าๆ เช่นเรื่อง 'รสลิน' ของศุภร บุนนาค ที่มีการแบ่งตามความรู้และการใช้ชีวิตตามแบบตะวันตก และมีมุกฝ่ายตรงข้ามปล่อยไก่เพราะความไม่รู้ด้วย ที่ทำให้รู้สึกถึงความเหนือกว่าและความสะใจของความไม่รู้ของอีกฝ่าย (แต่ จขบ. ไม่ค่อยชอบมุกแบบนี้เท่าไหร่นะคะ รู้สึกว่ามันตื้นเขินมาก เพราะถ้าไม่ออกแนวไม่รู้มันผิดตรงไหน ก็เป็นแบบไม่รู้หรือว่าเป็นลูกใคร) อ้อ เรื่องความแตกต่างระหว่าง old money/new money เรื่องการแต่งตั้งขุนนางอังกฤษ และเรื่องตำรวจสากลที่ออกมาแปร่งมากด้วย คือเหมือนไม่ได้หาข้อมูลเลย ทำให้ไม่เนียนอย่างมาก

ส่วนในภาคที่สองออกแนวมาเฟียและธุรกิจมากขึ้น ทำให้โทนเรื่องเปลี่ยนไป มีบางช่วงที่น่าจะดราม่า แต่ จขบ. ไม่ค่อยโดน การบรรยายบางครั้งรู้สึกไม่ลื่นไหลอยู่บ้าง สำนวนคำพังเพยจีนมาไม่ขาดสาย ใช้สำนวนสวิงสวายเยอะ จิกกัดฮาก็มาก อย่าง พี่มังกรในสมัยก่อนจะทำร้ายใครก็เหมือนกระทรวงการโทรคมนาคมและสื่อสารของจีน เคยเลือกเวลาตั้งแต่เมื่อไหร่? (มาเฟีย เล่ม 1) และ ในโลกอินเตอร์เน็ต มีคำกล่าวเชิงเย้าแหย่ว่า ไปญี่ปุ่นจึงรู้ว่าค้านหัวชนฝาแต่ยังมีมารยาทเป็นอย่างไร ไปไทยจึงเข้าใจว่าเจอสาวงามอย่าเพิ่งผลีผลามเข้าไปกอด (มาเฟีย เล่ม 2) เมื่อรวมกับเรื่องรอบตัวแปลกๆ ต่างๆ ที่ทำให้มีเชิงอรรถเยอะพอดู ก็ต้องขอยกนิ้วให้คนแปลนะคะ

สรุปว่าเป็นนิยายแอ็คชั่นที่อ่านได้เบาๆ เอาฮา การบรรยายไม่ค่อยเรียบลื่น แต่เมื่อรวมลักษณะเรื่องเข้าไปก็พอไปได้ มีสำนวนและการจิกกัดเสียดสีโดนใจแต่ยังไม่ทำให้รู้สึกถึงความลึกซึ้งประทับใจ น่าสนใจเป็นพิเศษตรงเรื่องการเมืองไทย หลังจากเขียนมาอย่างยาว สรุปว่าภาพรวมอ่านได้สนุกไม่เลวแต่ไม่มีเสน่ห์ให้อยากอ่านซ้ำเท่าไหร่ ถ้าจะให้สรุปคำเดียวคือบ้าบิ่นค่ะ
[19/10/16, 15/05/17, 23/05/21]

ที่มา
[1] ม่ออู่ (เกาเฟย แปล). เทพบุตรเดินดิน. 5 เล่มจบ, สยามอินเตอร์บุ๊คส์, 368 + 352 + 376 + 376 + 400 หน้า, 2559.
[2] ม่ออู่ (เกาเฟย แปล). เทพบุตรมาเฟีย. 7 เล่มจบ, สยามอินเตอร์บุ๊คส์, 376 + 368 + 360 + 376 + 376 + 368 + 384 หน้า, 2559-2560.


รายการนิยายจีนแปลไทย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Spy×Family - Endo Tatsuya

ลำนำรักเทพสวรรค์ - ถงหัว

สืบลับฉบับคาโมโนะฮาชิ รอน - Amano Akira