เสน่ห์รักขุนนางหญิง - หลินจยาเฉิง

เรื่อง เสน่ห์รักขุนนางหญิง
โดย หลินจยาเฉิง (Lin Jia Cheng) แปลโดย เสี่ยวเจินจู วาดโดย Leila



เฉินหรง เคยใช้ทุกวิถีทางเพื่อแต่งงานกับแม่ทัพ หรานหมิ่น แต่ก็ถูกละเลย ญาติผู้พี่ เฉินเวย แย่งชิงความโปรดปราน ถูกหย่า จนวางเพลิงฆ่าตัวตาย วิญญาญกลับมากเกิดในร่างเมื่อตอนอายุสิบสี่อีกครั้ง เธอจึงตั้งใจจะเปลี่ยนชีวิตใหม่

ตระกูลเฉินเป็นตระกูลใหญ่อันดับต้นๆ แต่ตระกูลหลักคือสายอิ่งชวนที่ย้ายไปอยู่เจี้ยนคัง เฉินหรงเป็นธิดาอนุของบุตรชายที่เป็นลูกอนุในสายรอง จึงมีฐานะต้อยต่ำในตระกูล พ่อและพี่ชายเป็นขุนนางชั้นแปดที่ไปทำงานที่เจี้ยนคัง ส่วนตัวเธออยู่ที่คฤหาสน์ในเมืองผิงเฉิง และต้องหนีภัยสงคราม เฉินหรงจึงใช้ประสบการณ์ในชาติที่แล้วกระทำการต่างๆ อย่างฉลาดเฉลียว รอบคอบ และจิตใจกว้างขวาง สามารถเดินทางไปพร้อมกับขบวนของสกุลหวังสายผิงเฉิง และช่วงหลังอยู่ใต้การดูแลของ เฉินหยวน พ่อของเฉินเวย และน้องชายของประมุขของสายสกุล เฉินหรั่ง และ จนไปพักพิงที่ตระกูลเฉินแห่งเมืองหนานหยาง

การกระทำของเฉินหรงเข้าตา หวังหง บุตรชายสายตรงคนโตที่โดดเด่นที่สุดของของสกุลหวังแห่งหลางหยาอันเป็นสายหลัก แม่ทัพหรานหมิ่น ที่ถึงเป็นทายาทของหรานยงที่เป็นหนึ่งในสิบสองปราชญ์ของสำนักขงจื่อ แต่ตอนนี้เป็นลูกเลี้ยงชาวหูและทำงานให้หัวหน้าชาวหู สือหู่ ถึงมีผลงานโดดเด่นเป็นแม่ทัพอันดับหนึ่ง แต่มีฐานะทางสังคมต่ำถึงจะมีอำนาจมาก ทางเฉินหยวนต้องการผูกสัมพันธ์โดยยกเฉินเวยที่เป็นลูกอนุให้เป็นภรรยา โดยหรานหมิ่นเป็นผู้คุ้มครองขบวนขุนนางลี้ภัยช่วงสุดท้ายก่อนถึงหนานหยาง และ ซุนเหยี่ยน บุตรชายอายุน้อยสายตรงสกุลซุนแห่งเจียงตงอันเป็นทายาทของซุนกวน ซุนเหยี่ยนเพิ่งเสียครอบครัวทั้งหมดให้ชาวเซียนเป่ย ได้เฉินหรงช่วยไว้ในตอนที่ลำบากที่สุด และไปทำงานให้หรานหมิ่นเพื่อแก้แค้น โดยหรานหมิ่นที่รู้ภูมิหลังก็ช่วยสนับสนุนให้อย่างดี

สถานะที่ต่ำของเฉินหรง ทำให้โอกาสในการแต่งงานไม่ดี ไม่สามารถเป็นภรรยาของคนในตระกูลสูงได้ ต้องคอยปกป้องคนและเสบียงที่ตุนไว้จากการถูกยึด และที่สำคัญสุดคือเฉินหยวนต้องการยกให้เฉินหรงที่รูปโฉมงดงามเย้ายวนไปเป็นอนุของหนานหยางหวัง ซือหม่ามั่ว เพื่อแลกกับตำแหน่งขุนนาง ทำให้เฉินหรงต้องหาทางเลี่ยงและดึงหวังหงมาเป็นฉากบังหน้า ความสัมพันธ์ยิ่งคลุมเครือเมื่อเฉินหรงเดินทงไปเมืองมั่วหยางที่ถูกไท่หยวนหวัง มู่หรงเค่อ ล้อม มีส่วนผลักดันให้หวังหงและซุนเหยี่ยนทะลวงออกมาได้ก่อนเมืองแตก (เดิมหวังหงจะตายที่นี่) ตามด้วยครอบครัวเฉินหยวนที่ปองร้ายเฉินหรง แต่ก็ยังส่งนางไปขอความช่วยเหลือจากสือหู่ด้วย

เกิดเป็นสตรี สิ่งที่ตัดสินชะตาชีวิตคือการแต่งงานเพียงครั้งเดียว ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ต้องแต่งงานกับบุรุษที่คู่ควร ใช้ชีวิตอย่างสง่าผ่าเผย ... อนุอย่างไรก็เป็นอนุอยู่วันยังค่ำ ถึงตอนนี้เฉินหรงก็พบว่าตนเองหลงรักหวังหง แต่เมื่อไม่สามารถเป็นภรรยาได้ ก็ยอมรับหรานหมิ่น ทั้งยังขอให้ช่วยล้างแค้นเฉินหยวนจนทั้งครอบครัวตกต่ำและถูกตัดขาดจากตระกูล ภายหลังเฉินหรั่งที่เฉลียวฉลากกว่าก็เป็นคนดูแลเฉินหรงแทน

เมื่อมู่หรงเค่อปิดล้อมเมืองหนานหยาง การคุมเชิงระหว่างหวังหงและหรานหมิ่นก็กลายเป็นหักเหลี่ยมกันซึ่งหน้า ผลคือหรานหมิ่นเสียท่าระเนระนาด ด้านสงครามไม่ได้เปรียบ ด้านความรักโดนหวังหงฉกไปแบบใต้ตา (ในบริบทที่น่าสงสัยว่าควรจะเรียกว่าเป็นพระเอกต่อดีหรือเปล่า) หวังหงพาเฉินหรงเดินทางไปเจี้ยนคัง โดยวางแผนจะรับเฉินหรงเป็นอนุระดับสูง แต่แยกกันตอนเข้าเมืองเพื่อให้เฉินหรงรักษาชื่อเสียง แต่เฉินหรงกลับไม่ต้องการงานแต่งงาน แต่จะหาทางใช้ชีวิตเองกับคนเก่าแก่ที่ภักดีให้ได้โดยใช้ทรัพย์สินที่เกิดจากการแลกเสบียงในเวลาที่เหมาะสม จนทำให้มีทรัพย์สินไม่น้อย มีร้านค้าและที่นาในหนานหยาง และแอบซ่อนบางส่วนมาเจี้ยนคังด้วย

พ่อและพี่สะใภ้ของเฉินหรงถูกผู้อพยพฆ่าไปแล้ว พี่ชายที่อ่อนแอแต่งงานใหม่กับสตรีที่ร้ายกาจที่รวบอำนาจทั้งหมดในบ้าน นางไม่ต้องการต้อนรับน้องสามีที่ไม่มีทรัพย์สินติดตัวแต่อย่างใด เฉินหรงที่มีประสบการณ์ฝังใจในชาติที่แล้วจึงตัดสัมพันธ์กับครบครัวพี่ชายและเช่าบ้านรอเฉินหรั่งที่เดินทางช้ากว่าหวังหง (จะไปซื้อบ้านอยู่เองก็ไม่ได้ เพราะจะโดนนินทา) เมื่อเฉินหรั่งเดินทางมาถึงเจี้ยนคัง เฉินหรงก็ได้พบหวงตี้ ซือหม่าจาง และขอให้แต่งตั้งเป็นนักพรตหญิงและชั่วชีวิตไม่ออกเรือน หวงตี้หนุ่มที่ชอบแกล้งคนจึงให้ไปเป็นนักพรตที่อารามซีซาน

แต่เฉินหรงก็ถูกหมายหัวในฐานะคนที่หวังหงต้องใจ ทั้งยั้งตั้งฉายาทางธรรมให้ว่า หงอวิ้นจื่อ ถึงไปเป็นนักพรตหญิงก็ยังโดนคุกคามทั้งเรื่องการจัดการอาราม แขกที่มาอาราม หรือเจี้ยนคังหวังที่เชิญไปจวน นอกจากตระกูลใหญ่นังมีเชื้อพระวงศ์ที่เชี้ยวชาญการเล่นสนุก ถึงจะระมัดระวังก็ยังถูกลูกเล่นหรือยากล่อมจิตหลอนประสาทได้ ยังดีที่หวังหงคอยช่วยดูแลและเริ่มทำเรื่องประเจิดประเจ้อออกหน้าออกตา หรานหมิ่นที่ตอนนี้รับเฉินเวยเป็นอนุแล้วก็มากดดันจะให้ตามไปเป็นภรรยา ยังดีที่ซุนเหยี่ยนกำหนดบทบาทเป็นพี่ชาย เพื่อกวนน้ำให้ขุ่นยิ่งขึ้นไม่นานหวงตี้ก็ตั้งเป็นขุนนางกวงลู่ต้าฟูคือที่ปรึกษาเรื่องชาวหูทั้งยังส่งชายงามมาเป็นของกำนัล ทำให้เฉินหรงสามารถสร้างตัวตนขึ้นในหมู่ปัญญาชนได้

หวังหงที่ทนไม่ไหวพาตัวเฉินหรงไปหนานหยาง ทำให้เฉินหรงถูกมู่หรงเค่อที่แค้นหวังหงฐานเก่งหนักหน้าสมัยเด็กจับตัวไปเป็นเหยื่อล่อหวังหง หวังหงที่ควรคำนึงถึงผลประโยชน์และไม่ไปช่วยไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม กลับร่วมมือกับหรานหมิ่นวางแผนดักมู่หรงเค่อจนแทบกระอักเพื่อช่วยเฉินหรงกลับหนานหยางแล้วกลับเจี้ยนคัง

หวังหงได้แสดงความสามารถด้านการบัญชาการทหารจนส่งผลต่อสมดุลอำนาจ ตระกูลหวังปลดหวังหงออกจากการเป็นผู้สืบทอด ยึดกองทหารและทรัพย์สินที่เคยมอบให้คืน ให้ทายาทคนอื่นมาแต่งงานกับสตรีสูงศักดิ์ที่หมั้นหมายกับหวังหง ซึ่งหวังหงก็ไม่ว่าอะไรเพราะเตรียมตัวเร้นกาย จัดการโต้ตอบเรื่องที่โดนกดดันหลายเรื่องอย่างสุดแสบ แต่เมื่อองค์หญิงเก้าจะฆ่าเฉินหรงก็เกิดความผิดพลาด ทำให้เฉินหรงบาดเจ็บหนักเกือบตาย เกือบจะแยกทางกันอีกครั้งก่อนจะมีงานแต่งงานที่หวังหงให้คำมั่นว่าจะไม่มีหญิงอื่นอีก

ในตอนพิเศษมีเรื่องหรานหมิ่นที่ตามเฉินหรงมาเจี้ยนคังหลังฝันถึงเหตุการณ์ที่เฉินหรงเผาตัวเอง เรื่องความรู้สึกของหวังหงต่อเฉินหรงที่เปลี่ยนแปลงช่วงการล้อมเมืองหนานหยาง แต่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่หวังหงและเฉินหรงอาศัยที่เขาหนานซานอย่างสบายอารมณ์ มีลูกชายคนโต หวังเซวียน ลูกชายฝาแฝด หวังหลิง และ หวังซู่ กับลูกสาวคนเล็ก หวังอวิ๋น ที่แต่ละคนล้วนแต่ไม่เป็นมนุษย์ปกติ มีความโดดเด่นอย่างพอฟัดพอเหวี่ยงกับพ่อ

แน่นอนว่าเมื่อเวลาผ่านไป ก็มีคนอยากเข้ามาแทรกไม่ว่ารุ่นพ่อหรือรุ่นลูก สตรีตระกูลเฉินที่ตกต่ำและต้องการให้เฉินหรงช่วย จนถึงปีที่สิบเจ็ดที่ตระกูลหวังเสียประมุขและกำลังทหารจนเข้าขั้นวิกกฤต ทำให้ต้องขอให้หวังหงออกมาจากการเร้นกายโดยมีซุนเหยี่ยนเป็นขุนพลคนสำคัญ ส่วนหรานหมิ่นตอนนี้ตั้งตนเป็นฮ่องเต้แล้ว ...

เรื่องนี้อิงประวัติศาสตร์ช่วงปลายราชวงศ์จิ้นที่เมืองหลวงลั่วหยางถูกตีแตก ย้ายเมืองหลวงไปเจี้ยนคัง และตั้งเป็นราชวงศ์จิ้นตะวันออกต่อมาอีกกว่าร้อยปี ส่วนทางเหนือและตะวันตกก็เข้าสู้ยุคห้าชนเผ่าสิบหกแคว้น เป็นช่วงที่ตระกูลใหญ่กุมอำนาจ โดยเฉพาะสกุลหวังแห่งหลางหยา ซึ่งในนิยายอิงประวัติศาสตร์มักอ้างถึงมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอิงประวัติศาสตร์จริงๆ อย่าง 'มังกรคู่สู้สิบทิศ' 'กลอักษรล่มฟ้า' หรือที่เอารูปแบบสังคมหรือฉากหลังมาดัดแปลง เช่น 'จะรักใครก็รักไป' 'อริร้ายหวนรัก' ฯลฯ แต่เรื่องเหล่านี้มักเป็นมุมมองด้านการเมืองและการใช้อำนาจ เวลาอ่านไม่ค่อยไม่รู้สึกถึงอิทธิพลทางด้านสังคมมากนัก ในขณะที่เรื่องนี้นำเสนอออกอิทธิพลของตระกูลใหญ่ด้านสังคมและวัฒนธรรมอย่างโดดเด่นมาก

ในรายละเอียดก็มีการปรับเวลาให้เหลื่อมและสร้างตัวละครใหม่เข้าไปด้วย คือถ้าดูเวลาที่ลั่วหยางแตกก็เริ่มเรื่องในปี 311 แต่ถ้าจะมองตามการแบ่งอำนาจการปกครองก็เหลื่อมไปอีกสามสิบกว่าปี คือถ้าตามปี 311 ราชวงศ์จิ้นก็ย้ายเมืองหลวงไปฉางอันและยันอยู่ได้สักพักก่อนแตกจนจบจิ้นตะวันตกและ ซือหม่ารุ่ย (Sima Rui) ที่กุมอำนาจในเจี้ยนคังจะตั้งตนเป็นจิ้นหยวนตี้ของจิ้นตะวันออกในปี 317 หวงตี้ในนิยายคือซือหม่าจางที่อย่างน้อยก็ไม่เห็นจักรพรรดิชื่อนี้ในประวัติศาสตร์

ส่วนเรื่องขุนศึกทั้งหลาย ไม่ว่าหรานหมิ่น (Ran Min) ที่ภายหลังเป็นจักรพรรดิเว่ยผิงตี้ของแคว้นหรานเว่ย (350-352) และ มู่หรงเค่อ (Murong Ke) ผู้สำเร็จราชการแห่งแคว้นเฉียนเอียนที่ตายปี 367 ที่ถ้านับตามการแตกของลั่วหยางในปี 311 ยังเป็นเด็กน้อยอยู่เลย และที่อ้างถึงในนิยายว่าสือหู่ (Shi Hu) ป่วยหนัก ถ้าคิดว่าสือหู่ที่เป็นจักรพรรดิจ้าวอู่ตี้ของแคว้นโฮ่วจ้าวตายปี 349 ก็คืออีกสามสิบกว่าปี ซึ่งก็พอเข้าใจว่าผู้แต่งต้องการข้ามช่วงเละตุ้มเป๊ะหลังจิ้นตะวันตกล่มและกระโดดไปถึงช่วงที่มีการคุมเชิงระหว่างหลายแคว้นไปเลย

ในการดำเนินเรื่อง รู้สึกถึงความอัดอั้นตันใจและข้อจำกัดของเฉินหรงได้ดี และมีความสมดุลระหว่างความสามารถและการกระทำต่างๆ ที่มีทั้งความเข้มแข็ง อ่อนแอ และบ้าคลั่ง โดยไม่ได้รู้สึกว่าพยายามยัดเยียดแนวคิดสมัยใหม่ คือมีความเนียนในกรอบของสังคมศักดินาของช่วงกลียุคที่มีความแปรปรวนฟุ้งเฟ้อ เน้นภาพลักษณ์ และโดดเด่นด้านการเปิดกว้าง ???!

อีกจุดที่น่าสนใจคือหวังหงที่มีภาพลักษณ์เป็นเลิศในด้านความเป็นปัญญาชนและบุรุษรูปงามที่สุดแห่งยุค ก็ออกมาวิปริตแปรปรวน บวกกับฉากติดเรทจัดเต็มและฉากน่ากังขาตัดแขนเสื้อ นับเป็นพระเอกสายดาร์คใต้หน้ากากเทพบุตร ที่ทำให้รู้สึกเรียลขึ้นเยอะ เพราะตอนแรกทำให้รู้สึกหมั่นไส้พอควรกับคำบรรยายเยินยอ แต่พอความดาร์กออกเลยกลายเป็นเหน็บแนมไม่หน่อย ในบางแง่ทำให้นึกถึง ฮิคารุ เก็นจิ และ คาโอรุ ใน 'ตำนานเก็นจิ' ที่ภาพลักษณ์เป็นหนุ่มสมบูรณ์แบบ แต่เบื้องลึกมีความดาร์กและเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางอย่างมาก ยังดีที่ไม่จบแบบมุราซากิหรืออุกิฟุเนะที่รู้สึกว่าชาติหน้าชาตินี้ อย่ามาเจอกันอีกเลย ... เป็นตัวเอกให้ความรู้สึกว่าอย่าไปอยู่ใกล้จะดีกว่า เพราะถ้าขัดขืน ก็สามารถทุบหัวให้สลบแบบไม่ลังเล ถึงจะล้มลงในอ้อมกอดที่มีเส้นผมปลิวสยายหอมสดชื่นก็เถอะ -_-"

พอมาดูหรานหมิ่น ก็ออกจะสงสารว่าแกคงงงไม่น้อยว่าไปทำอะไรให้เฉินหรงจนปิดใจขนาดนั้น ทั้งที่ยอมรับสถานะลูกอนุ ยินดีให้เป็นภรรยา เป็นที่พึ่งพิงที่ดีในช่วงกลียุคเช่นนี้ แถมยังเจอความฝันเรื่องเฉินหรงในชาติก่อนอีกที่ทำให้กระอัก และว่ากันตามตรง รู้สึกว่าหรานหมิ่นเป็นคนปกติที่สุดแล้วในสามคน อาจเป็นเพราะไม่มีลูกเล่นแบบชนชั้นสูงเท่าไหร่ ... ทั้งนี้ ในชีวิตจริงที่มีชื่อเสียเรื่องฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวหู ก็ทำให้ความรู้สึกสงสารหายไปเยอะ

ฉากรบหรือไล่ล่า รู้สึกว่าอ่อนไปนิดเมื่อเทียบกับนิยายอิงประวัติศาสตร์เลือดพล่านอื่นๆ เช่นชุดไตรภาคสุยถัง ฯลฯ แต่เนื่องจากเรื่องนี้เป็นนิยายฝ่ายหญิง มุมมองเป็นของเฉินหรง เลยไม่ต้องโหดนักก็ได้ ทั้งนี้ขอเตือนว่าในเรื่องมีความทุกข์ยากช่วงภัยสงครามบ้าง แต่ไม่มากเพราะมองจากมุมขุนนาง เลยข้ามความสยดสยองที่ชาวบ้านเจอไปหมด ซึ่งถึงดูสมจริง แต่ก็รู้สึกสลดหดหู่แทนคนทั่วไปมาก

การแปลใช้สำเนียงจีนกลางเต็มรูปแบบ แม้แต่อ๋องยังใช้หวัง ซึ่ง จขบ. ก็รู้สึกว่าเป็นระเบียบดี มีคำอธิบายเป็นเชิงอรรถเยอะมาก แต่บางครั้งก็รู้สึกว่าตกหล่นไปบ้าง อย่างการใช้หวังชีหลางที่เข้าใจว่าหมายถึงท่านเจ็ดที่เป็นการเรียงลำดับในตระกูลหรือเปล่า ถ้ามีบอกไว้ให้แน่ใจก็น่าจะดีมาก มีที่หลุดภาษาอังกฤษมาเล็กน้อย อย่างการใช้เขบ็ตที่มาจากดนตรีสากล แต่ในภาพรวมก็อ่านได้ลื่นไหลและได้อารมณ์ดีมากค่ะ สรุปภาพรวมคือถือเป็นนิยายที่โดดเด่นมากทีเดียว
[11/05/21, 05/06/21, 18/10/21]
ที่มา
[1] หลินจยาเฉิง (เสี่ยวเจินจู แปล). เสน่ห์รักขุนนางหญิง. สำนักพิมพ์อรุณ, 4 เล่มจบ, 498 + 426 + 413 + 436 หน้า, 2564.


รายการนิยายจีนแปลไทย, ไทม์ไลน์หนังสืออิงประวัติศาสตร์/ย้อนยุค จีน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Spy×Family - Endo Tatsuya

ลำนำรักเทพสวรรค์ - ถงหัว

สืบลับฉบับคาโมโนะฮาชิ รอน - Amano Akira