บันทึกปิ่น - เช่อเช่อชิงหาน

เรื่อง บันทึกปิ่น (Zan Zhonglu)
แต่งโดย เช่อเช่อชิงหาน (Ceceqinghan) แปลโดย อรจิรา



รองเจ้ากรมอาญาในเมืองหลวงฉางอัน หวงหมิ่น มีธิดา หวงจื่อเสีย ที่แสดงความสามารถคลี่คลายคดีแต่อายุสิบสอง โดยมีนิสัยแปลกๆ ที่เมื่อวิเคราะห์คดีจะชอบเอาปิ่นที่ปักผมลงมาเขียนอากาศเพื่อพิจารณา เมื่อหวงหมิ่นได้เป็นสื่อจวินแดนเสฉวน (ตุลาการที่เป็นหูตาราชสำนักและไม่ขึ้นกับเจ้าเมือง) ก็ได้พาครอบครัวไปอยู่เฉิงตูและยังรับอุปการะเด็กกำพร้า อวี่เซวียน ที่ไม่ทำให้ผิดหวังเพราะสอบซิ่วไฉได้อายุสิบแปด ปัญหาคือหวงจื่อเสียรักกับอวี่เซวียนและไม่ต้องการแต่งงานกับคู่หมั้นที่ปู่ซึ่งเป็นอดีตเสนาบดีหาไว้ก่อนเสียชีวิตคือ หวางอวิ้น คุณชายบุตรโทนบ้านใหญ่ของตระกูลหวางแห่งหลางหยาอันเป็นครอบครัวเดิมของฮองเฮารัชกาลปัจจุบันถึงสององค์

เมื่อเกิดเรื่องหวงหมิ่นและครอบครัวถูกวางยาพิษตายหมด หวงจื่อเสียที่รอดชีวิตเพียงคนเดียวและมีทั้งแรงจูงใจคือเรื่องแต่งงานและวิธีการฆ่าคือเคยซื้อสารหนูและแตะต้องอาหารคนเดียวก็กลายเป็นผู้ร้าย มีคำสั่งจับเป็นหรือตาย สำหรับผู้อ่านก็เป็นที่แน่นอนว่าเรื่องนี้หวงจื่อเสียถูกใส่ร้าย เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองและครอบครัว หวงจื่อเสียจึงเดินทางเข้าเมืองหลวงด้วยความช่วยเหลือของคนรู้จักเก่าและคนที่เคยรับบุญคุณ

หวงจื่อเสียเข้าเมืองได้ด้วยความช่วยเหลือจาก จางสิงอิง องครักษ์ของขุยอ๋อง หลี่จือ ที่มืชื่อรองว่า หลี่ซูไป๋ เมื่อถูกหลี่ซูไป๋พบตัว หวงจื่อเสียจึงตัดสินใจใช้การตื๊อเพื่อให้ตนเองมีที่พึ่งพิงที่แข็งแกร่งโดยอาสาสืบสวนคดีจตุรทิศที่มีคนตายในพื้นที่ทิศเหนือ ใต้ ตะวันตก พร้อมอักษรเลือด วิสุทธิ์ สุขัง อัตตา ทำให้คนในทิศทางตะวันออกของเมืองพากันหนีตาย ว่ากันว่าบ้านเรื่องสิบหลังว่างเก้าหลัง (จขบ. ว่าจะมากไปมั๊ง คนในเมืองร้อยหมื่นเชียวนา ไม่ได้ย้ายเยอะได้ง่ายๆ) แน่นอนว่าหวงจื่อเสียจัดการให้ลุล่วงได้ในเวลาอันรวดเร็ว หลี่ซูไป๋เลยสวมรอยเป็นขันที หยางฉงกู่ ที่หายตัวระหว่างมีภัยพิบัติและคาดว่าตายไปแล้ว

คราวนี้ก็ต้องพูดถึงเรื่องพระเอกบ้าง หลี่ซูไป๋เป็นอนุชาสี่ของฮ่องเต้ หลี่ฉุ่ย ถือเป็นเชื้อพระวงศ์ที่โดดเด่นถึงได้รับคำชมจากฮ่องเต้ว่า 'ใต้หล้ามีซูไป๋ จึงไม่เดียวดาย’ มีความสามารถรอบด้าน ความจำดีเลิศผ่านตาไม่ลืม ตอนอายุสิบเก้าได้ปราบกบถ ผังซวิน ที่สวีโจวจนมีความดำความชอบใหญ่หลวง แต่พอดี อู๋ไท่เฟย ที่เป็นมารดาตายพอดี เลยไว้ทุกข์และไม่แต่งงานมาสี่ปี ทั้งที่องค์หญิง ฉีเล่อ ทายาทคนสุดท้ายของอี้อ๋องที่มีเชื้อสายตระกูลสู่อ๋องได้คอยหาทางเข้าใกล้ตลอด

ส่วนหนึ่งที่หลี่ซูไป๋ให้ความช่วยเหลือหวงจื่อเสียเพราะต้องการให้ช่วยสืบเรื่องของสาปแช่งที่ได้ตอนไปรบคือยันต์ที่เขียนวันเดือนปีเกิดด้วยอักษรที่มีลักษณะเหมือนหนอนและงู โดยเกิดเรื่องร้ายๆ สามสัญญาณในยันต์ แต่หลี่ซูไป๋เชื่อว่าเป็นเรื่องที่มีคนวางแผน ไม่ใช่เหนือธรรมชาติ

เมื่อฮ่องเต้หาชายาให้หลี่ซูไป๋ คนที่ถูกเลือกคือ หวางรั่ว ธิดาคนเล็กบ้านสี่ ญาติผู้น้องของฮองเฮา หวางเสา แต่หวางรั่วก็หายตัวอย่างลึกลับในวังไม่กี่วันก่อนวิวาห์ พบอีกทีเป็นศพถูกพิษ ส่วนนอกวังก็มีเรื่องนักดนตรีหญิงจากเจียงหนานหายตัวหลังบอกเพื่อนสนิทว่าจะเดินทางไปส่งธิดาสหายเก่าไปฉางอัน ก่อนจะถูกพบตัวเป็นศพอนาถาที่อยู่รวมกับคนตายจากโรคระบาด แต่ที่จริงคือเป็นการวางยาพิษซึ่งรู้ได้จากการชันสูตรศพโดย โจวจื่อฉิน บุตรคนที่สี่ของรองเจ้ากรมอาญาที่ต้องการเป็นนักชันสูตรศพและมีหวงจื่อเสียเป็นแรงบันดาลใจ เรื่องโยงไปถึงฮองเฮา (ท้ายเล่มสองมีตอนพิเศษของหวางเสาด้วย) [จบเล่ม 2]

หวงจื่อเสียฝากจางสิงอิงเข้ากองทหารองครักษ์ทองซ้ายก่อนจะไปเสฉวนกับหลี่ซูไป๋ แต่ก็เกิดเรื่องกับองค์หญิงถงชาง หลี่หลิงฮุย ธิดากัวซูเฟย คือ ขันทีถูกไฟจากเทียนที่โดนฟ้าผ่าคลอกตาย ราชบุตรเขยประสบอุบัติเหตุม้าขาหักระหว่างตีคลี และปิ่นเก้าหงส์ค่าควรเมืองหายจากกล่องเก็บ ทำให้หยางฉงกู่ถูกมอบหมายให้ลองสืบดู ระหว่างนั้นมีเรื่องศับซ้อนกับเรื่องของเอกสารที่พระมารดาของหลี่รุ่นที่เป็นบ้ามอบให้โอรส ซึ่งคล้ายกับรูปที่ฮ่องเต้องค์ก่อนประทานให้พ่อจางสิงอิงที่เป็นหมอหลวง แถมจางสิงอิงยังไปชอบ หลี่ว์ตีชุ่น ลูกสาวช่างทำเทียน ส่วนแม่ที่เสียไปแล้วเป็นพี่ของนางกำนัลราชบุตรเขยที่เพิ่งจมน้ำตาย โดยหลี่ว์ตีชุ่นที่ไปส่งเทียนในวังถูกองค์หญิงถงชางสั่งลงโทษ หลังขันทีทุบตีสลบก็เอาไปทิ้งในตรอกจนถูกข่มขืนและพ่อบอกให้ฆ่าตัวตาย เรื่องอื่นคือหวางอวิ้นรู้ตัวจริงของหยางฉงกู่และไม่ยอมปล่อยหวงจื่อเสียจากการหมั้นหมาย ในขณะที่อวี่เซวียนที่ยังแค้นอยู่มาเมืองหลวงมาเตรียมสอบและได้เป็นผู้ช่วยที่สถานศึกษาหลวงจนกลายเป็นคนโปรดองค์หญิงที่กลายเป็นเหยื่อสุดท้ายในคดีฆาตกรรมต่อเนื่องนี้

ในคดีนี้รู้สึกว่ากลไกจะพึ่งโชคไปหน่อย โดยเฉพาะหน้าไม้และเทียนระเบิดที่ยังงงกับลักษณะและตอนเกิดเหตุระหว่างพิธีน่าจะมีคนเห็นว่าเกิดอะไร ทั้งนี้การใช้ชาดมาจากแร่ซินนาบาร์ (สารประกอบของปรอทและกำมะถัน) ที่มีความเป็นพิษสูงก็เป็นการตอกย้ำความเนียนกว่า 'หอดอกบัวลายมงคล' ที่แปลออกมาช่วงเดียวกันมาก แต่มองในอีกแง่ก็เป็นเรื่องตลกร้ายเพราะมีส่วนในการสวรรคตของฮ่องเต้ถังซวนจงที่เสวยยาอายุวัฒนะประกอบชาด และยังทำให้คิดถึงเครื่องสำอางโบราณที่มีชาดแล้วสยองพอควร สุดท้ายคือ จขบ. ว่าวิธีการจัดการผู้รับเหมาขุดลอกท่อระบายน้ำของท่านอ๋องเด็ดมากค่ะ กทม. น่าจะพิจารณาบ้าง [จบเล่ม 4]


ระหว่างไปเฉิงตูก็มีคนร้ายจู่โจมฆ่า หลี่ซูไป๋และหวงจื่อเสียหนีไปด้วยกันและทำให้ความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงแสดงออกมา เมื่อกลับเข้าเมืองก็สืบเรื่องต่างๆ โดยปกปิดตัวตนได้ความช่วยเหลือจากหัวหน้ามือปราบโจวจื่อฉินที่ตามพ่อที่เป็นสื่อจวินเสฉวนคนใหม่ ตัวละครเดิมจำนวนมากมาชุมนุมกันในเฉิงตู นอกจากนี้ยังมีหลวงจีน มู่ซาน ที่เป็นที่เคารพนับถือ เบื้องหลังคือวิชาสะกดจิตของชมพูทวีปที่เปลี่ยนแปลงนิสัยคนได้ การสืบเพิ่มเติมพบว่าคนสกุลหวงตายเพราะพิษจิวซึ่งเป็นพิษหายากจากราชสำนัก โยงใยไปถึง หวางจงสือ ที่เป็นขันทีที่มีอำนาจที่สุดในราชสำนักและเรื่องในตอนก่อนอย่างลายพระหัตถ์อดีตฮ่องเต้ ปลาอาเจียสือเนี่ยที่ออกขากพระโอษฐ์ยามสวรรคต การเสียสติของเฉินไท่เฟย และการตายของหกนงคราญอวิ๋นเสาแห่งหยางโจวอีกคน ในขณะก็มีผู้มีอำนาจลงมือจะฆ่ากับขุยอ๋องต่อถึงขั้นวางเพลิงฆ่าคนกลางเมือง คู่หมั้นของน้องสาวโจวจือฉินที่เป็นขุนนางบุ๋นก็ถูกฆ่าลึกลับกลางงานเลี้ยงรับรองขุยอ๋อง การสืบสวนยังเผยความลับของคดีฆ่าล้างตระกูลหวง ระหว่างนี้หลี่ซูไป๋และหวงจื่อเสียก็เริ่มแสดงออกถึงความรู้สึกมากขึ้น (แบบว่าหวานกันมาก) ในขณะที่โจวจือฉินก็ปล่อยไก่ออกมาหมดเล้า

หวงจื่อเสียที่พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองได้ก็ชัดเจนกับความรู้สึกต่อหลี่ซูไป๋ หวางอวิ้นที่ ยินดีให้ตนรักลึกซึ้งแต่ไร้ซึ่งวาสนา แต่ไม่ยินดีให้เจ้ารักผิวเผินวาสนาลึกซึ้ง ยอมถอนหมั้น แต่กลับเผชิญวิกฤต เมื่อฮ่องเต้ประชวรหนัก รัชทายาทเยาว์วัย ขุยอ๋องมีอำนาจล้นฟ้าก็ต้องถูกกำจัด เอ้ออ๋องหลี่รุ่นฆ่าตัวตายและป้ายความผิดให้ขุยอ๋อง คนใกล้ชิดทรยศ หลี่ซูไป๋กันให้หวงจื่อเสียอยู่นอกวง แต่หวางจงสือที่ช่วยให้หวงจื่อเสียสืบคดีเอ้ออ๋องได้ก็ต้องการให้หวงจื่อเสียแต่งเข้าตระกูลหวาง เรื่องที่เกิดขึ้นถูกคลี่คลายและโยงใยเข้าหากัน โดยภาพลายพระหัตถ์อดีตฮ่องเต้ที่ทำให้เฉินไท่เฟยเป็นบ้าก็กลายเป็นของสำคัญ ...
[10/10/17, 15/11/17, 30/01/18, 20/06/18, 30/08/18, 06/11/18]

เรื่องนี้ออกแนวสืบสวนสมัยโบราณ เวลาเริ่มเรื่องอนุมานจากการบอกว่าฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์มาสิบกว่าปี ขุยอ๋องอายุยี่สิบสาม และการตายขององค์หญิงถงชาง กำหนดได้ว่าน่าราวปี 869 ในภาพรวมถือว่าอ่านได้สนุกเรื่อยๆ นะคะ สนุกดีและฟินกับความรักมาก แต่ก็ทำให้นึกถึงเรื่อง 'ยอดกุนซือทะลุมิติ' ที่บอกว่าสมัยถัง ซ่ง หมิง ห้ามผ่าศพ ในภาพรวม จขบ. ชอบเรื่องนี้เป็นลำดับต้นๆ ของบรรดานิยายสืบสวนจีนที่ออกใหม่ช่วงระยะหลังนี้ค่ะ รู้สึกว่ามีตรรกะของความเป็นไปได้ค่อนข้างใช้ได้ ถึงจะรู้สึกว่ามีบางตอนที่ดูจะบังเอิญ ล้ำสมัย หรือเกินจริงไปบ้าง และมีเรื่องความรักที่ฟินมากออกมาด้วย เรื่องการแปลก็ดีนะคะ แต่มีแปลกอย่างนอนแบ็บที่หลุดอยู่ และบางทีมีการวงชื่อภาษาอังกฤษไว้หลังชื่อจีน ที่ จขบ. คิดว่าทำเป็นเชิงอรรถน่าจะลื่นกว่า

เรื่องนี้ถูกทำเป็นซีรีส์ The Golder Hairpin เตรียมออกฉายในปี 2564 นำแสดงโดยอู๋อี้ฝานและหยางจื่อ แต่พระเอกเจอข้อหา จึงดองมาจนบัดนี้

สุดท้ายคือ จขบ. สงสัยเลยไปเทียบข้อมูลทางประวัติศาสตร์ในเรื่อง คือชื่อของจักรพรรดิ องค์ชาย และเหตุการณ์ที่กล่าวถึง กับบทความในวิกิ (ความถูกต้องไม่รับรองใดๆ ทั้งสิ้น) ก็พบว่าเอาบุคคลในประวัติศาสตร์มาเยอะค่ะ เริ่มตั้งแต่พระเอกหลี่จือ (Li Zi, Prince of Kui) เป็นพระโอรสองค์ที่สามของจักรพรรดิถังซวนจง หลี่เฉิน (Li Chen, Tang Xuanzong) ที่ครองราชย์ระหว่างปี 846-859 ไม่ปรากฏนามพระมารดา

ปีที่หลี่จือประสูติไม่ทราบชัดเจน แต่คาดว่าจะเป็นระหว่างปี 833-846 คือหลังจากพระเชษฐาองค์โตและก่อนที่พระบิดาขึ้นครองราชย์ โดยหลี่จือเป็นพระโอรสองค์โปรดของถังซวนจง ในการสืบราชสมบัติมีเรื่องเบื้องหลังที่น่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้นักเขียนนิยายได้มากมาย สุดท้ายพระเชษฐาองค์โต หลี่ฉุย ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิถังยี่จง ระหว่างปี 859-873 ซึ่งก็เป็นรัชสมัยที่ถือกันว่าเป็นจุดเสื่อมของราชวงศ์ถังที่ล่มสลายในปี 907

ในเรื่องให้หลี่ซูไป๋อายุสิบเก้าตอนปราบกบฎผังซวิน ซึ่งก็มีเหตุการสำคัญช่วงกลางรัชสมัยของถังยี่จงที่เกิดกบฎของแม่ทัพ Pang Xun เมื่อปี 867-869 ซึ่งหลี่จือไม่มีผลงานเกี่ยวกับการปราบกบฏแต่อย่างใด นอกจากนี้ ในนิยายยังมีการกล่าวถึงโอรสของถังซวนจงที่ชื่อและบรรดาศักดิ์ที่ดูแล้วน่าจะตรงกัน คือ เอ้ออ๋อง หลี่รุ่น (Li Run, Prince of E) องค์ชายเก้า เจาอ๋อง หลี่รุ่ย (Li Rui, Prince of Zhao) และ คังอ๋อง หลี่เหวิน (Li Wen, Prince Kang)

ปีที่หลี่จือตายก็ไม่ชัดเจนอีก มีทั้งที่ตายในปี 863 และในปี 897 ในรัชสมัยของจักรพรรดิถังเจาจง หลี่เย (Li Ye, Tang Zhaozong) ที่ราชวงศ์ถังอ่อนแอถึงขีดสุด ในเมืองหลวงมีขันทีคุม บริเวณอื่นเป็นของเหล่าขุนศึก ถังเจาจงพยายามดึงอำนาจทหารองครักษ์ให้อ๋องเชื้อพระวงศ์รวมถึงหลี่จือที่เปลี่ยนบรรดาศักดิ์เป็นอ๋องทง (Prince of Tong) แต่อ๋องเหล่านี้ก็ถูกขันทีกล่าวหาและถูกขุนศึก Han Jian จับประหารโดยไม่รายงานรวดเดียวสิบเอ็ดองค์ สรุปว่าในชีวิตจริงดูจะจบไม่ค่อยสวยเท่าไหร่นะคะ
[10/10/17, 04/05/21]

ที่มา
[1] เช่อเช่อชิงหาน (อรจิรา แปล). บันทึกปิ่น. สยามอินเตอร์บุ๊คส์, 8 เล่มจบ, 280 + 288 + 288 + 280 + 280 + 280 + 288 + 352 หน้า, 2560-2561 (ต้นฉบับ 2015).


รายการนิยายจีนแปลไทย, ไทม์ไลน์หนังสืออิงประวัติศาสตร์/ย้อนยุค จีน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Spy×Family - Endo Tatsuya

ลำนำรักเทพสวรรค์ - ถงหัว

สืบลับฉบับคาโมโนะฮาชิ รอน - Amano Akira