สองนครสิบห้าวัน - หม่าป๋อยง

เรื่อง สองนครสิบห้าวัน (Liang Jing Shi Wu Ri)
แต่งโดย Ma Bo Yong แปลโดย สนสราญ



เริ่มเรื่องในรัชศกหงซีทีที่หนึ่ง เดือนห้า วันที่สิบแปด (ฤกษ์วันติงไฮ่) ยามจื่อ เมื่อเกิดแผ่นดินไหวที่เมืองจินหลิงหรือหนานจิง การเกิดแผ่นดินไหวหลายครั้งหลังจักรพรรดิหงซี จูเกาซื่อ เพิ่งขึ้นครองราชย์ทำให้เป็นที่นินทาว่าเป็นลางร้าย ในบรรดาผู้เสียชีวิตรวมถึงข้าหลวงตรวจการที่ถูกทับตายบนเตียง ขุนนางตรวจตรา อู๋ปู้ผิง ฉายาสิงโตเหล็ก หัวหน้ามือปราบเขตอิ้งเทียน เห็นว่าการตายเป็นอุบัติเหตุ แต่ลูกชาย อู๋ติ้งหยวน กลับเห็นว่าถูกฆ่าแล้วจัดฉากเนื่องจากยังใส่ชุดขุนนาง นิสัยปกติของอู๋ติ้งหยวนคือเป็นโรคลมชัก ไร้เหตุผล เกียจคร้าน ชอบดื่มสุราเที่ยวหอนางโลม อายุยี่สิบเก้าแล้วยังไม่มีครอบครัว แต่เบื้องหลังเป็นมันสมองช่วยอู๋ปู้ผิงไขคดี

จักรพรรดิกำลังคิดย้ายเมืองหลวงกลับหนานจิง จึงให้รัชทายาท จูจันจี ที่อายุยี่สิบเจ็ดปี ได้เดินทางลงใต้ไปยังเมืองหลวงเดิมหนานจิงเพื่อเฝ้าเมืองและบำรุงขวัญแทนพระองค์ ถือเป็นการบริหารราชกิจเพียงลำพังครั้งแรก แต่เมื่อเรือใกล้เทียบท่าเรือด่านตงสุ่ย จิ้งหรีดตัวโปรดของจูจันจีหนีออกจากกระปุก ทำให้จูจันจีที่ยังไม่ได้เปลี่ยนชุดพิธีการเดินไปยังท้ายเรือ เมื่อเกิดระเบิด จูจันจีจึงรอดชีวิตและ ตกลงในแม่น้ำ ได้อู๋ติ้งหยวนช่วยชีวิตโดยไม่ทราบฐานะที่แท้จริง บวกกับการที่มีทหารมากำจัดผู้รอดชีวิตจากเรือ อู๋ติ้งหยวนจึงมองว่าจูจันจีเป็นนักโทษควบพยาน เลยจับอุดปากพาเข้าเมือง

เพื่อปล่อยเผือกร้อนออกจากมือ อู๋ติ้งหยวนไปที่หน่วยป้องปราบของกองกำลังจิ่นอีแห่งหนานจิง แต่ที่กองกำลังจิ่นอีก็ยังเละเทะ มีข้าหลวงผู้แทนลำดับหลักชั้นแปด อวี๋เชียน (ชื่อรอง ถิงอี้) ที่มาเรียกให้สืบสวนเรื่องระเบิด เมื่อรู้ตัวจริงของจูจันจี เลยรับอาสาช่วยสืบความจริง ทั้งยังจ่ายเงินให้อู๋ติ้งหยวนที่ไม่อยากเข้ามายุ่งเพื่อให้ยอมทำงานให้ ส่วนจูจันจีก็มีขุนนางใหญ่พาไปวังหลวง

ระหว่างไปวังหลวง คนลัทธิบัวขาวลอบทำร้ายขบวนเสด็จ ขุนนางตำแหน่งสูงสุดที่เหลือรอดคือขันทีผู้รักษาการณ์เขตวังหลวง จูปู้ฮวา แต่ไม่นานจูจันจีก็ได้รับราชโองการด่วนตามตัวรัชทายาทกลับเมืองหลวงเพราะจักรพรรดิประชวร แต่สารมีความผิดปกติมากจนทำให้จูจันจีทำให้อนุมานได้ว่ามีการชิงราชบัลลังก์ จูปู้ฮวามีปัญหา เลยหนีออกจากวังหลวง ถูกจูปู้ฮวาสั่งฆ่าจนโดนธนูยิงที่สะบักได้รับบาดเจ็บ

เมื่อจูจันจีพบอวี๋เชียน อวี๋เชียนจึงพาไปหาอู๋ติ้งหยวนที่ไล่ตามเบาะแสไปจนพบหมอหญิง ซูจิงซี ที่แอบวางยาพิษจูปู้ฮวาเพื่อแก้แค้นให้เพื่อนสนิท หวังจิ่นหู ที่ตายอย่างโหดเหี้ยมในบ้านสามีที่เมืองหลวง ช่วงแรกจูจันจีก็ท้อแท้ แต่โดนอวี๋เชียนกระตุ้นจนทำใจได้ ตกลงใจเดินทางกลับเมืองหลวงทั้งที่หัวธนูยังค้างอยู่ในร่าง เพราะถ้าผ่าออกจะเดินทางไม่ได้ โดยได้จัวเยี่ยเหอติดตามมาดูแลบาดแผลระหว่างทาง และอู๋ติ้งหยวนที่พ่อและน้องสาว อู๋อวี้ลู่ หายตัวอย่างน่าสงสัย จึงต้องหาทางมีผลงานเพื่อเตรียมช่วยครอบครัวล่วงหน้า

ผู้คุ้มกฏลัทธิบัวขาวหญิง จั๋วเยี่ยเหอ เป็นตัวแทนในการร่วมมือกับจูปู้ฮวาในการจัดการจูจันจี นอกจากการวางแผนต่างๆ ยังลักพาตัวอู๋อวี้ลู่เพื่อบังคับให้อู๋ปู้ผิงช่วยงาน เมื่ออู๋ติ้งหยวนพาพวกสามคนปลอมตัวหนีออกนอกเมืองแต่อวี๋เชียนถูกติดตาม ทำให้ปะทะกับคนพรรคบัวขาวที่ประตูเมือง ผลคือตายหมดรวมถึงอู๋ปู้ผิง ทำให้พรรคบัวขาดชะงัดไปพักเดียวก่อนจั๋วเยี่ยเหอจะเจอร่องรอยและเปลี่ยนไปตามอู๋ติ้งหยวน

อู๋ติ้งหยวนไปขอเงินที่ฝากไว้กับความช่วยเหลือจาก หงอวี้ ที่เป็นอาจารย์สอนพิณให้หญิงคณิกาที่สวนฟู่เล่อ หงอวี้เป็นคนในครอบครัวขุนนางต้องโทษจากศึกจิ้งน่านและถูกส่งไปกองสังคีตมากว่ายี่สิบปี หงอวี้มีอะไรบางอย่างที่ทำให้อู๋ติ้งหยวนรู้สึกสนิทสนม ทั้งยังรู้ความลับของอู๋ติ้งหยวนด้วย ระหว่างเดินทางออกนอกเมืองก็ได้เบาะแสเพิ่มเติมว่าพ่อค้าเกลือ วังจี๋ เป็นผู้มอบเรือที่ระเบิดให้จูจันจีใช้เดินทางจากหยางโจว และเหตุการณ์เหล่านี้น่าจะเกี่ยวกับผลประโยชน์ถ้าเมืองหลวงถูกย้ายกลับมานานจิง

อู๋ติ้งหยวนพาคณะออกนอกกำแพงเมืองชั้นนอกผ่านสุสานสกุลหยางที่เป็นแหล่งเสื่อมโทรม ทำให้จูจันจีได้เห็นวิธีการที่ขุนนางยักยอกเสบียง จั๋วเยี่ยเหอใช้ มารศาสนา เหลียงซิงฝู่ ไล่ตามทัน จนพวกจูจันจีต้องกระโดดกำแพงเมืองลงทะเลสาบโฮ่วหูและว่ายน้ำไปขึ้นเกาะเหลียงโจวที่มึคลังสมุดเหลืองที่บันทึกทะเบียนราษฎร์ อู๋ติ้งหยวนถูกจับตัวทำให้จูจันจีและอวี๋เชียนต้องหาทางช่วย ซูจิงซีจัดการจนจูปู้ฮวาตกน้ำตาย จนผ่านประตูเสินเช่อเข้าแม่น้ำฉางเจียงได้

ด้านการเดินทางไปเมืองหลวง อวี๋เชียนคิดว่าต้องเดินทางให้ถึงเมืองหลวงภายในสิบห้าวันคือต้องถึงภายในวันที่สามเดือนหกที่มีฤกษ์มหามงคลที่สามารถจัดพิธีขึ้นครองบัลลังก์ได้ ตอนแรกอู๋ติ้งหยวนต้องการกลับไปช่วยน้องสาว แต่ซูจิงซีเกลี้ยกล่อมว่าหากกลับไปน้องสาวจะเป็นอันตรายมากกว่า จึงตกลงเดินทางไปทั้งสี่คน

อวี๋เชียนแนะนำให้เดินทางน้ำโดยใช้เรือจิ้มก้องของสดจากกวาโจวไปตามลำน้ำขนส่งสายเจียงเป่ย แต่อวี๋เชียนก็เกือบถูกคนงานปล้น เมื่อจูจันจีและอู๋ติ้งหยวนไปพนันกัดจิ้งหรีดกับพ่อบ้านของวังจี๋เพื่อเอาหนังสืออนุญาตขึ้นเรือชวนซั่งก็ถูกพ่อบ้านจับเข้าคุกน้ำเพื่อชิงทรัพย์ ทำให้จูจันจีได้รับรู้เรื่องผลประโยชน์และการฉ้อโกงจากการขนส่งเหนือใต้เพิ่มเติม ผลกระทบจากการหนีทำให้ขึ้นเรือจิ้มก้องไม่ได้ ชาวเรือสามคนที่ติดคุกด้วย เลยใช้เรือเล็กพาไปไหวอันที่เป็นศูนย์กลางทางน้ำและมีอู่เรือหลัก

พระมาตุลา จางเฉวียน สามารถส่งจดหมายมาเตือนถึงมือจูจันจี ทำให้สามารถส่งจดหมายกลับไปเพื่อนัดพบที่หลิงชิง แต่พรรคบัวขาวตามมาทัน ในความวุ่นวายทำให้กลุ่มแตกเพื่อหนี อวี๋เชียนไปหาทหารมาช่วยแต่ไม่กล้าบอกเรื่องรัชทายาท ซูจิงซีบาดเจ็บซ่อนตัว ส่วนจูจันจีเจอคนงานชักลากเรือที่ก่อความวุ่นวายเพราะอาหารถูกยักยอก ผู้นำก่อการเป็นอดีตทหารที่เป็นประมุขวิหารสาขาของพรรคบัวขาวที่ช่วยเหล่าคนธรรมดาให้อยู่รอดได้ ทำให้จูจันจีถูกจับเข้าคุกในฐานะพรรคบัวขาว เมื่อจูจันจี อวี๋เชียน และซูจิงซี รวมกลุ่มได้ก็ลงเรือจิ้มก้องที่ไหวอันเดินทางต่อ ในขณะที่อู๋ติ้งหยวนถูกพรรคบัวขาวจับได้และจั๋วเยี่ยเหอวางแผนใช้เป็นหมาก

การดำเนินเรื่องมาอย่างรวดเร็วและรุนแรงแบบต้องตามตาไม่กระพริบ หนักแน่นทั้งด้านการช่วงชิงอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจ การสืบสวน การหักเหลี่ยมเฉือนคม และลักษณะทางสังคมและรายละเอียดต่างๆ ในประวัติศาสตร์ การหักมุมก็มาบ่อยและดูเป็นจริงมาก แต่ละช่วงก็ทำให้ตัวละครหลักมีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะจูจันจีที่ชัดเจนและรุนแรงที่สุด

ในเรื่องมีการฉ้อราษฏร์บังหลวอย่างหนักที่สร้างความแสลงใจกับปัญหาในปัจจุบันอย่างแรง ทั้งยักยอกอย่างตรงไปตรงมา เช่น ใช้เรือทางการขนเกลือเถื่อน หรืองาบเบี้ยเลี้ยงแบบตรงไปตรงมา แต่ส่วนใหญ่จะมีแนวทางซับซ้อนและเนียนกว่า เช่น การเสียประโยชน์เมื่อมีการลดตำแหน่งขุนนาง การยักยอกโดยสร้างเรื่องว่าถูกขโมยแล้วหาแพะมาตาย การใช้กฏแลกเปลี่ยนส่งต่อในการขนส่งทางน้ำแทนกฏเปลี่ยนจุดลำเลียงเดิมเพื่อให้คนเรือไม่ต้องเดินทางไกล แต่กลายเป็นต้องออกค่าลำเลียงสินค้าที่ถูกโก่งราคาอย่างหนัก ... พูดง่ายๆ คือรู้สึกว่าสะท้อนปัญหาปัจจุบันได้ดีมาก

มีเรื่องบังเอิญอยู่บ้างเช่นตอนที่ จูจันจีหนีออกจากวังหลวงแล้วเจออวี๋เชียนเลย จูจันจีที่ถึงบาดเจ็บไม่เบาแต่ก็ยังทนทายาทเวลาต้องออกแรง เวลาที่พิษของจูปู้ฮวากำเริบ หรือที่สงสัยในด้านสังคมวัฒนธรรมที่ซูจิงซีสามารถออกมาเป็นหมอหญิงอยู่นอกบ้าน เคลื่อนไหวทำเรื่องโน่นนี่โดยอิสระ แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคกับความลื่นไหลสมจริงของเรื่องมากนัก

ในภาพรวมเป็นนิยายแอคชั่นอิงประวัติศาสตร์ที่กระชับและสมดุลกับรายละเอียด ดำเนินเรื่องรวดเร็วรุนแรง การช่วงชิงมีความลึกซึ้ง สำนวนการแปลดี ถือเป็นเรื่องที่โดดเด่นมากค่ะ ถ้าชอบ 'ฉางอันสิบสองชั่วยาม' ขอแนะนำเต็มที่ค่ะ
[21/10/21]

ที่มา
[1] Ma Bo Yong (สนสราญ แปล). สองนครสิบห้าวัน. สำนักพิมพ์เอ็นเธอร์บุ๊คส์, เล่ม 1-2, 296 + 344 + 304 + 344 หน้า, 2564.


รายการนิยายจีนแปลไทย, ไทม์ไลน์หนังสืออิงประวัติศาสตร์/ย้อนยุค จีน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Spy×Family - Endo Tatsuya

ลำนำรักเทพสวรรค์ - ถงหัว

สืบลับฉบับคาโมโนะฮาชิ รอน - Amano Akira