ผจญภัยข้ามขอบฟ้า - หวงอี้

เรื่อง จอมมารจันทรา ปริศนาแห่งพระเจ้า สันดานดิบคืนชีพ มนตราทะเลสาบ แอตแลนติสที่สาบสูญ และ มารฟ้านอกพิภพ
โดย หวงอี้ แปลโดย น. นพรัตน์


หวงอี้ที่มีชื่อด้านนิยายกำลังภายในอิงประวัติศาสตร์ คราวนี้เป็นผลงานเรื่องสืบสวนสอบสวนแนวไซไฟ-แฟนตาซี ในชื่อชุดผจญภัยข้ามขอบฟ้า แปลโดย น. นพรัตน์ และจัดพิมพ์โดยสยามอินเตอร์บุ๊คส์เจ้าเก่า นับเป็นเรื่องไซไฟแปลไทยที่สองต่อจาก 'ผู้พิชิตดาราจักร' ตามที่ทางสยามอินเตอร์บุ๊คส์เคยโฆษณาว่าหวงอี้ดังจากเรื่องไซไฟ
[29/08/10, 13/10/21]


จอมมารจันทรา

เปิดตัว หลิงตู้หวี่ พระเอกที่เป็นลูกลามะทิเบตกับสตรีจีน ศึกษาวิชาตันตระในทิเบตจนอายุ 15 ค่อยออกมาสู่โลกภายนอก อายุ 23 ได้ปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าจาก MIT อีกปีได้ปริญญาโทจากฮาร์วาร์ดด้วยวิทยานิพนธ์เรื่องความสัมพันธ์ของพีรามิดอียิปต์กับดาราศาสตร์ และพออายุ 25 ก็ได้ปริญญาเอกจากเรื่องอายุของหลุมดำกับจักรวาล ปัจจุบันอายุ 33 ปี ฉากหน้าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านระบบคอมพิวเตอร์ แต่เบื้องหลังเป็นเจ้าหน้าที่สำคัญขององค์กรต่อต้านเผด็จการ มีความรู้ด้านอาวุธทางทหารและการต่อสู้ด้วยมือเปล่าขั้นแนวหน้าของโลก แถมเป็นนักสะกดจิตระดับปรมาจารย์ และมีทักษะอื่นๆ รอบด้าน เช่น เป็นนักสะเดาะกุญแจ และฝังเข็ม (คาดว่าคงมีเพิ่มเมื่อโลกต้องการ)

นางเอกในตอนนี้ จั่วฉู่เวี่ยน เป็นตำรวจสากลจากไต้หวัน แน่นอนว่าสวยงามแบบดารานางแบบ บทบาทหลักคือคอยเดินตามช่วยงานเบ็ดเตล็ดให้พระเอก อย่างเป็นกันชนตำรวจฮ่องกง ช่วยหาช่างซ่อม/ปรับปรุงบ้าน หรือทำอาหารบำรุงกำลัง (ถ้าจะคาดไม่ถึงคือไม่มีฉากติดเรท มีแค่หวิวเล็กน้อย แต่ไม่ทราบว่าโดนตัดออกตอนที่หวงอี้ปรับปรุงใหม่แบบเรื่อง 'เจาะเวลาหาจิ๋นซี' หรือเปล่า ใครรู้ช่วยบอกที)

เมื่อห้าแสนปีที่แล้ว มีอารยธรรมแห่งดวงจันทร์ คนเหาะเป็นผู้ปกครอง และมี มารจันทรา เป็นผู้นำ มนุษย์ดึกดำบรรพ์เป็นสัตว์ที่เลี้ยงไว้เป็นอาหาร อยู่มามีอุทกภัยท่วมโลก มารจันทราถูกผนึกให้หลับใต้ดินรอเวลาตื่นอีกครั้ง โดยมีหินนิรมิตเป็นสื่อสะสมพลังจากดวงจันทร์โดยเฉพาะเมื่อเต็มดวง สมัยอียิปต์โบราณมีผู้พบเห็นเรื่องราว จึงสร้างพีระมิดขึ้นมาสะกดหินนิรมิตไว้ จนกระทั่งมีคณะสำรวจนำหินออกมาไว้ในพิพิธภัณฑ์ ผู้เกี่ยวข้องกับหินได้ตายเกือบหมด ที่รอดไม่กี่คนก็เป็นบ้า

เมื่อมีผู้ขโมยหินนิรมิตและปลดปล่อยมารจันทราให้เข้าสิงในตัว มารจันทราสะสมพลังได้มากจนใกล้จะสามารถครองโลกได้อีกครั้ง มีนักโบราณคดีชาวฮ่องกงที่เกี่ยวข้องกับเรื่องขโมยหินนิรมิตได้ขอให้หลิงตู้หวี่ช่วย แต่ก็ถูกฆ่าเสียก่อนที่จะบอกอะไรได้ พระเอกจึงต้องสืบสวนเอง ทำเอาบ้านไฟไหม้ ถูกหน่วยคอมมานโดของอิสราเอลบุก เครื่องบินตก สู้กับร่างสิงของมารจันทรา ที่หลับนานไปหน่อย เลยไม่รู้จักอาวุธสมัยใหม่ ใช้เป็นแค่หน้าไม้ ฯลฯ ...

สรุปว่าเป็นเรื่องสั้นสืบสวนลี้ลับที่มีการผสมผสานแนวตะวันออกโดยเฉพาะของจีนเข้ากับความเชื่อจากทั่วโลก ออกแนวแอคชั่นบวกกับทฤษฎีสมคบคิด ทั้งนี้ห้ามคิดถึงเรื่องความสมเหตุสมผลของส่วนที่ไม่ลี้ลับ

โดยส่วนตัว อ่านแล้วคิดว่ายังมีปัญหาเดียวกับเรื่อง 'ผู้พิชิตดาราจักร' คือแปลนิยายสมัยปัจจุบันด้วยสำนวนนิยายจีนกำลังภายใน ทำให้อ่านแล้วขัดกับความเป็นจริง โดยเฉพาะการเลือกใช้คำสรรพนามต่างๆ และการขาดคำลงท้ายประโยคสนทนาทำให้รู้สึกพิกลๆ การเลือกคำศัพท์ที่เป็นแนวไซไฟ-แฟนตาซีหรือเทคนิคก็แปลก ถ้าเอาเรื่องเบสิค เช่น ใช้ชนเผ่าแอตแลนติกแทนที่จะเป็นแอตแลนติส หรือในการบรรยายรูปทรงทางเรขาคณิตที่อ่านแล้วงงๆ ฐานมหาพีระมิดที่ความจริงเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส แต่อ่านแล้วเหมือนเป็นฐานสามเหลี่ยมด้านเท่า ในฉากสำคัญที่พระเอกดัดแปลงห้องคนไข้เป็นพีระมิดเพื่อตัดพลังมารจันทราในวันไหว้พระจันทร์ ได้บรรยายว่าห้องเป็นรูปสามเหลี่ยมตั้งฉากปลายแหลม (?? เหมือนเป็นพื้นที่ ไม่ใช่ปริมาตร) นอกจากนั้นก็มีเล่าเรื่องการทดลองที่จุดศูนย์กลางของปิรามิดที่อยู่ห่างจากยอดปลายแหลมราวเศษหนึ่งส่วนสาม (ไม่รู้เทียบกับอะไร แต่เดาว่าเทียบกับความสูง) ซึ่งก็ไม่ตรงตามหลักเรขาคณิตที่จุด Centroid หรือจุดศูนย์กลางรูปทรงของพีระมิดตันอยู่ที่หนึ่งในสี่ของความสูงจากฐาน ซึ่งห้องฝังพระศพของฟาโรห์ก็อยู่ที่ตำแหน่งนี้

ถ้ามีการพิสูจน์อักษร (สะกดผิดเยอะถ้าคิดว่าเป็นสำนักพิมพ์ใหญ่) และรายละเอียดอื่นๆ มากกว่านี้ก็น่าจะดีขึ้นไม่น้อย ส่วนเรื่องสำนวนไม่ได้หวังมาก เพราะผู้แปลเป็นปรมาจารย์สำนวนนิยายกำลังภายใน คงยากที่จะแปลงเป็นสำนวนสมัยใหม่ เมื่อเทียบกับ 'ผู้พิชิตดาราจักร' แล้ว คิดว่าเข้าท่ากว่าเยอะ แถมเล่มบางเฉียบ อ่านแป๊บเดียวจบ แต่ก็ยังไม่อยากอ่านซ้ำอยู่ดีค่ะ
[29/08/10]

ปริศนาแห่งพระเจ้า

นับว่าหลิงตู้หวี่โชคดีมากที่ไม่ได้ทำงานฟรีๆ ในการเปิดตัวกู้โลกครั้งแรก ต้นสังกัดได้รางวัลขอบคุณมาเป็นยุทธภัณฑ์ราคา 200 ล้านดอลลาร์ องค์กรต่อต้านเผด็จการจึงรีบจัดส่งของพร้อมอาวุธที่องค์กรสะสมไว้รวมราคาเกือบพันล้านไปแอฟริกาใต้เพื่อช่วยโค่นล้มรัฐบาลชาวผิวขาว แต่เครื่องบินลำเลียงดันออกนอกเส้นทางแถมหายไปเฉยๆ คาดว่าตกที่ชายแดนคองโก-ซาอีร์ ในเขตป่าดงดิบมหากาฬ หลิงตู้หวี่ (1 ใน 8 ผู้นำสูงสุด ชื่อรหัส เหยี่ยวมังกร) เลยต้องออกแรงโชว์เทพ เจมส์ บอนด์ บวก รพินทร์ ไพรวัลย์ ไปคองโกตามหายุทโธปกรณ์คืนมาให้ได้ แต่เนื่องจากหลิงตู้หวี่เคยปฏิบัติการในแอฟริกามา 4 ปี จนเป็นอาชญากรหมายเลข 1 ในดวงใจบรรดาเผด็จการทั้งหลาย เลยถูกไล่ล่าเพื่อเจี๋ยนให้สิ้นแค้นตั้งแต่ลงจากเครื่องบิน

นางเอกในตอนนี้คือ ไอโรซี แอร์โฮสเตสไข่มุกดำ ลูกครึ่งฝรั่งเศส ผู้ต้องการความตื่นเต้นในชีวิตเลยลาพักร้อนไปผจญภัยในป่ากับพระเอก โชคดีที่เคยฝึกทหารมา 3 เดือน เลยพอจะช่วยพะบู๊ได้ (ความเห็นส่วนตัวคือนางเอกถ้าไม่บ้าระห่ำก็ขาดสัญชาติญาณในการเอาตัวรอดยังไงพิกล กล้าไปท่องไพรมหากาฬกับผู้ต้องหาที่มีประกาศจับทั่วเมือง ทั้งๆ ที่ไม่เคยเข้าป่ามาก่อน)

หน่วยคอมมานโดแอฟริกาใต้นำโดยนายพล มัฟฟี่ โดยความช่วยเหลือจากทหารคองโก จับพหลิงตู้หวี่ได้ตั้งแต่ที่สนามบิน ต้องหนีไปหาไอโรซี เลยได้เดินทางไปป่าดงดิบมหากาฬด้วยกัน ระหว่างทางก็ถูกฝ่ายแอฟริกาใต้ไล่ล่าจนหาอาวุธคืนมาได้

หลิงตู้หวี่ได้โชว์ทักษะต่างๆ เพิ่มเติมมากมาย เช่น เข้าฌาน ควบคุมการทำงานของอวัยวะภายใน ผนึกลมปราณแก้พิษ นอกเหนือจากทักษะปกติของพระเอกแอคชั่น เช่น ขับเครื่องบิน กระโดดร่ม ฯลฯ ที่เจ๋งมากคืออุปกรณ์ที่หลิงตู้หวี่สร้างเองจากสารผลึกใสที่เครื่องตรวจสอบโลหะของสนามบินจับไม่ได้ เช่น เครื่องเปิดกุญแจ เครื่องตรวจสอบโลหะ ระเบิดควันสลบ และเครื่องตัดด้วยเลเซอร์ (ไม่ทราบใช้แหล่งพลังงานอะไร สงสัยคงใช้เซลล์เชื้อเพลิง) แถมเล็กจนสามารถซ่อนไว้ในหน้าอกปลอม (ของหลิงตู้หวี่) อีก นอกจากนั้นยังสามารถขนคลังแสงประเภทแก๊สน้ำตาและระเบิดผ่านเครื่อง x-ray และมาตรการรักษาความปลอดภัยที่สนามบินได้ด้วย (โชคดีที่เป็นเรื่องก่อน 9/11)

แต่เรื่องที่น่าสนใจกว่าคือความสัมพันธ์ระหว่างทฤษฎีหลุมดำและการทลายนภา เมื่อหนีมาถึงหมู่บ้านชาวปิ๊กมี่ที่รู้จักคุ้นเคยกันดี หลิงตู้หวี่ก็ได้เข้าพบผู้อาวุโสเร้นกาย ไพรพฤกษ์แดง ที่เคยกินน้ำจากผลของต้นสื่อแห่งพระเจ้าแล้วรอดตาย (ปกติการกินน้ำสื่อแห่งพระเจ้าจะทำให้เป็นอัมพาตตาย) เลยได้ฟังคำอธิบายจากไพรพฤกษ์แดงถึงว่าสื่อแห่งพระเจ้าเป็นสื่อถึงพืช ต่อเนื่องไปถึง 'มัน' ซึ่งเป็นพลังชีวิตที่เดินทางในจักรวาลและได้มาหยุดพักที่โลก เมื่อพลังผนึกกับโลกและทำให้โลกมีวิวัฒนาการชีวิต แตกตัวเป็นชีวิตและดูดซับชีวิตคืน (แบบปรมาตมัน) ซึ่ง 'มัน' ไม่พอใจหากสามารถหลุดพ้นการรวมคืนได้ เช่น การหลุดพ้นจากความเป็นกับความตาย หรือมารจันทราที่รับพลังจากดวงจันทร์ (เลยถูกฝังซะในตอนที่แล้ว)

ภายหลังไม่นานหลิงตู้หวี่ที่ถูกฝ่ายแอฟริกาใต้ไล่ล่าถูกพิษใกล้ตาย เลยกินน้ำสื่อแห่งพระเจ้าทำให้หล่อหลอมไปกับจิตของพืช รู้สึกถึงจักรวาลจนเกือบถูก 'มัน' ดูดซับ แต่ก็สามารถดึงวิญญาณกลับได้ โดยไพรพฤกษ์แดงช่วยหลิงตู้หวี่ถล่มพวกแอฟริกาใต้ก่อนหนีไปกาแล็กซีอื่น เพราะไพรพฤกษ์แดงก็สามารถสามารถรับเอาแก่นสารของจักรวาลผ่านพืชจึงเป็นศัตรูของ 'มัน' แต่อยู่รอส่งไม้ให้คนอื่นต่อสู้ต่อ (ความจริงก็ไม่ได้ใช้ศัพท์ทลายนภาหรอกนะ แต่อ่านๆ แล้วเหมือนชะมัด) จึงจบที่หลิงตู้หวี่ต้องสู้ทั้งเผด็จการทางโลกและทางวิญญาณ

ตอนแรกของชุดผจญภัยข้ามขอบฟ้า ออกมาไม่ถึงเดือน ตอนสอง 'ปริศนาแห่งพระเจ้า' ก็ออกมาแล้ว ทันใจดีจัง ดูจากปกหลัง หวงอี้เขียนเรื่องนี้ในปี 1989 สรุปแล้วรู้สึกว่าสนุกกว่า 'จอมมารจันทรา' ด้วยเหตุผลว่าเรื่องนี้บู๊ล้างผลาญ ป่าราบเป็นแถบๆ ทำให้ไม่มีปฏิกิริยาอัตโนมัติที่พยายามจะคิดเวลาอ่านเรื่องสืบสวน แต่ก็ยังรู้สึกติดๆ อยู่ในการใช้สำนวนนิยายจีนกำลังภายในเหมือนเดิม คำอธิบายเรื่องต่างๆ สไตล์หวงอี้ก็สนุกไม่เบา

ส่วนเรื่องคำศัพท์เฉพาะ ต้องบอกว่าอ่านแล้วเดาอย่างเมามันด้วยความเมาหมัดยิ่งกว่าตอนที่แล้ว คำว่า อณู นี่ชัวร์มากว่าใช้แทน โมเลกุล ส่วน การต่อต้านโปรตอน กับ การต่อต้านวัตถุ ก็คงหมายถึง antiproton และ antimatter (ที่ปกติเห็นทับศัพท์หรือไม่ก็ ปฏิโปรตอน กับ ปฏิสสาร อย่างในเรื่อง 'เทวากับซาตาน') แต่ พื้นราบหาที่สุดไม่ได้ กับ รูปมิติหาที่สุดไม่ได้ นี่ไม่แน่ใจนัก คาดว่าน่าจะหมายถึง infinite plane (ระนาบอนันต์) กับ infinite dimension (มิติอนันต์) ส่วน ปืนใหญ่กระบอกสั้น นึกอย่างไรก็นึกไม่ออกว่าเป็นอะไร ปืนครก (mortar) หรือเปล่า เพราะขนาดเล็กหน่อย น่าจะยิงจากเรือขนาดไม่ใหญ่ได้ ฯลฯ คราวนี้เล่นเอาซาบซึ้งกับที่เคยเรียนมาว่าศาสตร์ต้องมีโครงสร้างสาระ วิธีวิจัย และศัพท์เฉพาะ ตอนแรกก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าศัพท์เฉพาะศาสตร์นั่นสำคัญขนาดนั้นเชียวหรือ ...
[02/09/10]

สันดานดิบคืนชีพ

จั่วฉู่เวี่ยน (นางเอกในตอน 'จอมมารจันทรา') ที่เป็นตำรวจสากลกำลังทำคดีฆาตรกรรมต่อเนื่องหฤโหดอยู่ ผู้ตายล้วนเป็นหญิงที่โดนข่มขืนและร่างถูกกัดทึ้งไม่มีชิ้นดี ทำให้ตำรวจตั้งชื่อผู้ร้ายว่า แจ๊ค ตาม Jack the Ripper แถมมีการฆ่าหลายๆ รายติดกันในหลายเมืองทั่วโลก ทำให้สงสัยว่าอาชญากรอาจไม่ใช่คนธรรมดา จั่วฉู่เวี่ยนเลยขอให้หลิงตู้หวี่ช่วย โดยได้รับความเห็นชอบของเจ้าหน้าที่ชั้นสูงในตำรวจสากลที่รู้จักฝีมือกันดี

หลิงตู้หวี่เข้าร่วมไม่นานก็พบว่าแจ๊คเคยก่อคดีเมื่อปี 1966 ที่รัฐนิวเม็กซิโกก่อนจะหายไปแล้วเริ่มใหม่ปี 1982 ทั้งๆ ที่ตำรวจมีรูปพรรณสัณฐานเพียงแค่ว่าอายุยี่สิบต้นและหล่อมาก เพราะแจ๊คเพิ่งบุกรุกห้องทดลองของนักวิทยาศาสตร์ด้านไครโอนิกส์ ทำให้สงสัยว่าแจ๊คนี่เคยโดนแช่แข็งไว้หรือเปล่า

จั่วฉู่เวี่ยนโดนแจ๊คหมายหัวและลักพาตัว ทำให้แจ๊คได้บู๊กับหลิงตู้หวี่ จนรู้แน่นอนว่าแจ๊คมีสมรรถภาพทางกายและความเร็วในการฟื้นจากอาการบาดเจ็บแบบเหนือมนุษย์ เมื่อหลิงตู้หวี่สืบไปได้ถึงหมู่บ้านอินเดียนแดงอันเป็นที่เกิดของแจ๊ค ก็พบว่าฆ่าแจ๊คไม่ตายอีกต่างหากเพราะมาจากนอกโลก หากจะฆ่าต้องทำลายทุกเซลล์ให้ไม่เหลือ ไม่งั้นแจ๊คจะสามารถสร้างร่างใหม่จากส่วนที่ยังอยู่ แถมหลังจากร่างถูกทำลายมาหลายหน แจ๊คก็สร้างร่างใหม่ได้เร็วมากขึ้นเรื่อยๆ หลิงตู้หวี่เลยต้องหาวิธีกำจัดแจ๊คแบบถาวรให้ได้ ...

คงไม่มีใครบ่นว่าชุดผจญภัยข้ามขอบฟ้าโดนดอง ออกมาเฉลี่ยทุก 2 อาทิตย์ ได้อ่านตอนที่ 3 'สันดานดิบคืนชีพ' รวดเร็วทันใจ ดูจากปกหลัง หวงอี้เขียนเรื่องนี้ในปี 1989-1990 สรุปแล้วรู้สึกว่าเรื่องนี้สนุกกว่า 'จอมมารจันทรา' และ 'ปริศนาแห่งพระเจ้า' เพราะขอบเขตแคบลง เดินเรื่องเร็วขึ้น ซับซ้อนมากขึ้น ส่วนเรื่องการแปลก็ใช้สำนวนนิยายจีนกำลังภายในเหมือนเดิม แต่ถึงตอนที่สามแล้วเลยชักชิน ส่วนเรื่องคำศัพท์เฉพาะทางวิทยาศาสตร์คิดว่าดีกว่าสองเล่มที่แล้วเพราะเรื่องนี้มีด้านชีววิทยาเยอะหน่อย เลยไม่รู้สึกอะไร (เพราะไม่ค่อยรู้เรื่องเกินกว่าระดับมัธยม) ช่วงอธิบายด้านเคมี/ฟิสิกส์/ดาราศาสตร์ก็ยังรู้สึกแปลกๆ เหมือนเดิม แต่ชักจับเคล็ดได้เลยเริ่มคุ้น แต่ที่อยากให้แก้มากๆ คือชื่อ Sitting Bull ที่เขียนว่าซิตติ้งบลูตลอดเลยล่ะค่ะ
[17/09/10]


มนตราทะเลสาบ

เริ่มเรื่องที่หัวหน้าองค์การต่อต้านเผด็จการโดนวางยาพิษเข้าโคม่า ผู้บงการคือ ปาเจ เจ้าพ่อค้ายาเสพติดและอาวุธในโคลัมเบีย หลิงตู้หวี่กับ ยาร์ตินี่ จึงมาสังหารปาเจซึ่งหน้าที่บ้านริมทะเลสาบความฝัน (ขับเครื่องบินฝ่าระบบป้องกันแล้วเอาปืนยิงคงไม่ถือเป็นลอบสังหาร … มั๊ง) ธรรมดาหลิงตู้หวี่ทำงานเดี่ยว แต่ยาร์ตินี่เป็นเจ้าหน้าที่สาวที่มีความแค้นฝังลึกกับปาเจเลยรู้เรื่องดีและต้องการทำงานนี้เป็นพิเศษ

การสังหารทำไม่สำเร็จ หลิงตู้หวี่และยาร์ตินี่ถูกจับได้ แต่ปาเจกลับยื่นข้อเสนอให้หลิงตู้หวี่ทำงานให้ชิ้นหนึ่ง หลังจากหนึ่งเดือนจะให้ยาถอนพิษหัวหน้าและล้างมือจากวงการ เพราะงานนี้หลิงตู้หวี่ทำได้คนเดียว ปาเจเลยต้องหลอกให้มาอย่างลำบากยากเย็น นั่นคือ ให้หาตัว ฮารุโกะ ภรรยาของปาเจที่จมน้ำตาย แต่ปาเจที่มีพลังจิตเห็นวิญญาณของเธอที่ทะเลสาบ

ตอนแรกหลิงตู้หวี่ก็ไปกิ๊กกับ ไอรีน ที่ได้รับคำสั่งมาให้ช่วยแนะนำสถานที่ แต่พอเจอกับ 'ฮารุโกะ' ที่เกิดจากการรวมตัวของทะเลสาบกับชีวิตของคนที่ถูกสังเวย กลับหลงใหลขนาดยอมตาย เนื่องจากหลิงตู้หวี่มีพลังจิตสูงกว่าปาเจและยิ่งพลังจิตสูงยิ่งเชื่อมสัมพันธ์ง่าย 'ฮารุโกะ' เลยทิ้งปาเจมาติดต่อกับหลิงตู้หวี่แทน (จั่วฉู่เวี่ยนตกกระป๋อง!)

การที่ปาเจจะถอนตัวจากวงการ ทำให้ลูกน้องต้องการยึดอำนาจและมาบุกทะเลสาบ ที่ฮามากคือการย้ายข้างของหลิงตู้หวี่ ตอนแรกมุ่งมั่นมาฆ่า แต่ตอนสุดท้ายกลับช่วยเต็มที่ ความรักสามเส้าระหว่างหลิงตู้หวี่ ปาเจ และทะเลสาบจะจบลงอย่างไรก็คงต้องติดตามกันเองล่ะค่ะ

หนังสือชุดนี้ผ่านมาครึ่งทางแล้ว นับว่าเริ่มครึ่งหลังได้อย่างแอกชั่นเต็มที่ อ่านแล้วนึกถึงเจมส์ บอนด์มากหน่อย เพราะพระเอกเป็นแบบไปถึงไหนก็ราบที่นั่นเหมือนกัน แถมสาวๆ ยังเยอะจนบอกยากว่าใครเป็นนางเอกตัวจริง จากปกหลังเรื่องนี้เขียนปี 1989 ทำให้ดูแปลกเพราะเล่มที่แล้วเขียนเมื่อ 1989-1990 สรุปความรู้สึกให้ตอนนี้ดีกว่า 'ปริศนาแห่งพระเจ้า' ใกล้เคียง 'สันดานดิบคืนชีพ' มีความแปลกใหม่จากเรื่องที่ผ่านมาคือไม่มีเอเลี่ยนจากนอกโลก เป็นความลี้ลับบนโลกล้วนๆ ทำให้ไม่มีการบรรยายวิธีเดินทางข้ามจักรวาลกันอีก แต่มีเรื่องเทคโนโลยีแทน ต้องยอมรับว่าคราวนี้ไม่เมาหมัด เพราะได้ความมันในการเดาและความฮามาแทน

นอกจากบางตอนที่อ่านแล้วประหลาดๆ อย่างการส่งสัญญาณอิเล็กตรอนไปจุดระเบิด หรือเครื่องบินมีแรงเหวี่ยงสูงสุด (เอาไปทำไมก็ไม่รู้ ขอเดาว่าเป็น thrust หรือแรงขับเคลื่อน) ฯลฯ จุดหนึ่งที่ตลกมากคือตอนโดนจับ หลิงตู้หวี่ถูกถอดเสื้อผ้าทั้งตัว (เมื่อเทียบกับเหลือกางเกงชั้นในใน 'ปริศนาแห่งพระเจ้า') แต่หน้าอกปลอมก็ยังรอดพ้นการตรวจค้นมาได้อีก

หมัดเด็ดคือเครื่องบินที่หลิงตู้หวี่ได้ขับ (2 ลำ ตกทั้งคู่) โดยเฉพาะเครื่องแรกคือเครื่องบินรบแบบเหยี่ยว (เดาว่าเป็นเครื่องบินขับไล่ F-16 Falcon) หลังการปรับปรุงสามารถเร่งความเร็วสูงสุดชั่วโมงละ 1,200 กิโลเมตร (รู้สึกว่าช้าไปหน่อย น่าจะได้อีกสัก 200-300 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ระดับน้ำทะเล หรือเป็นเพราะดัดแปลงยัดนักบินเข้าไปอีกคน) หลังเก็บปีกตอนขึ้นบิน (flab?) ก็บินได้ด้วยความเร็วสองร้อยยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง (สงสัยว่าที่ความเร็วแค่นี้จะเกิดแรงยกพอที่จะรักษาระดับหรือเปล่า น่าจะมากกว่า 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมงพอสมควรถึงจะไม่ stall) ติดตั้งขีปนาวุธต่อสู้อากาศ(ยาน) 2 ลูก แต่มุกที่เด็ดขาดสุดยอดคือสามารถปล่อยลูกไฟอ่อยเหยื่อ (flare หรือพลุล่อเป้า) อ่านแล้วเห็นภาพชะมัด ได้อารมณ์สุดขีด! ฮาแทบแย่ ไม่ได้หัวเราะดังๆ แบบนี้มานาน

จบตอนที่สี่ หลิงตู้หวี่ก็ได้ออกอาละวาดในสี่ทวีป จากเอเซีย แอฟริกา อเมริกาเหนือ คราวนี้มาอเมริกาใต้ ดูจากชื่อตอนหน้า 'แอตแลนติสที่สาบสูญ' ขอเดาว่าจะไปยุโรปนะคะ
[01/10/10]

แอตแลนติสที่สาบสูญ

ผิดจากที่คาดไว้ตอนที่แล้ว คราวนี้ส่วนใหญ่ หลิงตู้หวี่ออกผจญภัยในแอฟริกาเหนือเพื่อปกป้องโลกจากเอเลี่ยนส์ (ตอนอ่าน 'มนตราทะเลสาบ' จบ นึกว่าจะไปยุโรปเป็นหลัก)

ดอกเตอร์ โกลบอล ได้ขุดค้นทางโบราณคดีอยู่ในทะเลทรายอียิปต์ แต่กำลังจะถูกตัดงบ เลยต้องประกาศการขุดพบประตูที่สลักอักษรลิ่มที่มีอายุประมาณสามพันปีว่าเป็นเบาะแสของแอตแลนติสที่ปารีสเพื่อกดดันผู้ให้ทุนและได้เชิญหลิงตู้หวี่มาฟังด้วย แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ดอกเตอร์โกลบอลกลับโดยยิงตาย แถมคณะขุดค้นในอียิปต์ยังถูกฆ่าตายหมด สถานที่ขุดค้นก็โดนระเบิด เห็นได้ชัดว่ามีคนจงใจขัดขวาง

หลิงตู้หวี่จึงกระโดดเข้าช่วย โดยได้ความร่วมมือจากหน่วยสืบราชการลับอิสราเอล (ที่เป็นมิตรจากการต่อยตีกันใน 'จอมมารจันทรา') ให้ไปตรวจค้นบ้านพักของดอกเตอร์โกลบอลในกรุงเทลอาวีฟ พบสมุดที่มีการจดบันทึกภาษาที่ไม่มีใครอ่านออก และได้เจอกับตีนแมวที่งามจนไม่น่าเชื่อ แต่ก็ตามจับเธอไม่ได้

หลิงตู้หวี่สู้แพ้สาวงามนางนี้ (น่าจะเป็นครั้งแรกเลยที่แพ้ในการสู้ตัวต่อตัว) เลยถูกสาวเอาสมุดบันทึกของดอกเตอร์โกลบอลไป ตัวหลิงตู้หวี่ถูกกลุ่มไม่ทราบฝ่ายล้อมจับและนำตัวไปลิเบียเพื่อเค้นหาสมุดบันทึก แน่เหมือนแช่แป้ง หลิงตู้หวี่หนีออกมาได้ แถมได้รับความช่วยหลือจากสาวงาม ปุยเมฆ ที่เป็นพวกเดียวกับดอกเตอร์โกลบอล ทั้งคู่มาจากนอกโลกเพื่อหาสิ่งศักดิ์สิทธ์ที่เป็นนิรันดร์ (Time Machine .. มั๊ง) ที่เคยอยู่ในวิหารของแอตแลนติสแต่หายสาบสูญไปเมื่อแกนโลกพลิก ผู้ร้ายเป็นเอเลี่ยนส์ฝ่ายกบฏที่มาช่วงชิงและฆ่าคนที่เข้าใกล้ความลับทุกคน หลิงตู้หวี่กับปุยเมฆต้องปกป้องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ฯ นี้ได้อย่างไร

ในที่สุดก็ถึงตอนรองสุดท้ายของชุดแล้ว หวงอี้เขียน 'แอตแลนติสที่สาบสูญ' ในปี 1995 นับว่าเขียนห่างจากเรื่องที่แล้วหลายปีทีเดียว เรื่องนี้ต้องบอกว่าหวงอี้เขียนได้ทันสมัยมากคือมีภาวะโลกร้อนออกมาด้วย แต่ก็ยังมีแปลกๆ เหมือนเดิม เช่น เรื่องน้ำท่วมโลกของชนชาติต่างๆ ก็มีทฤษฎีไดโนเสาร์สูญพันธุ์เข้าไปแจม ส่วนเรื่องการแปลคำศัพท์เฉพาะก็ดูจะดีขึ้นอย่างตัวปฏิชีวนะในเลือดก็มี footnote ว่า antibody ทำให้ไม่งงนัก แต่หลายจุดบรรยายได้แปลกๆ flare คราวนี้เป็นเครื่องรบกวนเปลวไฟของขีปนาวุธ (ที่ผิดหวังเล็กน้อยเพราะไม่เจ๋งเท่าคำแปลเล่มที่แล้ว) ส่วนเครื่องบินขับไล่รุ่นตีนกบคิดว่าเป็น Su-25 Grach (rook นกขนดำพันธุ์หนึ่ง) แต่ชื่อในเรื่องน่าจะแปลจากฉายา Frogfoot ที่ NATO เรียกแบบตรงตัวเป๊ะ ถ้าใครคิดว่าเป็นเครื่องอื่นก็กรุณาบอกด้วยนะคะ

สรุปแล้วรู้สึกว่าเรื่องนี้ให้ความรู้สึกเหมือน 'อินเดียน่า โจนส์' สนุกใช้ได้ มีมุกตลกแทรก แต่ตอนสุดท้ายจบแบบค้างๆ เลยให้สนุกเป็นระดับรองของชุด
[15/10/10]

มารฟ้านอกพิภพ

หลิงตู้หวี่ตามไล่ล่ากลุ่มก่อการร้ายนักรบศักดิ์สิทธิ์ ที่ไม่เพียงแค่ไปขโมยระเบิดนิวเคลียร์ของฝรั่งเศสแล้ว ยังฆ่าสายสืบขององค์กรต่อต้านเผด็จการ (ต้นสังกัดของหลิงตู้หวี่) เป้าหมายที่ล่าถูกพบเห็นที่ญี่ปุ่น ื่องปลหลิงตู้หวี่จึงติดต่อยากูซ่าที่เคยร่วมมือกันในตอน 'จอมมารจันทรา'

แต่เรื่องกลับพลิกตลบเมื่อพบว่า จิเอโกะ ลูกสาวของ โอเนะ ริวอิจิ มหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทเทคโนโลยีชั้นสูง ถูกกลุ่มนักรบศักดิ์สิทธิ์ลักพาตัวไป ทำให้สงสัยว่าผู้ก่อการร้ายอาจต้องการเรียกค่าไถ่เป็นชิ้นส่วนเพื่อสร้างขีปนาวุธ หลิงตู้หวี่จึงต้องเปลี่ยนภารกิจกลางคัน นางเอกตอนนี้คือ สุดะ อินากะ ภรรยาคนที่สองของโอเนะที่หลิงตู้หวี่ติดต่อระหว่างสืบหาตัวจิเอโกะ เธอเป็นสาวสวยศิลปินที่กำลังระหองระแหงกับสามีที่เพียงชอบในรูปลักษณ์คุณสมบัติภายนอก

กลุ่มนักรบศักดิ์สิทธิ์ได้ซ่อนตัวจิเอโกะบนเรือยอชท์ แต่ที่คาดไม่ถึงคือจิเอโกะสามารถถอดจิตท่องจักรวาลได้ ทำให้มีเอเลี่ยนส์ที่กำลังเสาะหาโลกใหม่ติดมากับจิตด้วยหนึ่งตน เอเลี่ยนส์จึงเข้าชักใยกิจกรรมของกลุ่มนักรบศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องการทำลายอารยธรรมด้วยการทำลายโอโซนจนมนุษย์ตายหมด แช่แข็งตัวเองไป 300 ปี แล้วค่อยตื่นมาสร้างโลกที่ปลอดมลพิษ เอเลี่ยนส์จึงรีบกระตุ้นให้ทำลายล้างเร็วขึ้นเพราะจิเอโกะใช้พลังมากเกิน ต้องพักฟื้นก่อนจะสามารถท่องจักรวาลเพื่อนำเอเลี่ยนส์ตนอื่นมาได้และเอเลี่ยนส์ยังต้องการโลกที่ปราศจากมลพิษสำหรับตน หลิงตู้หวี่ต้องบุกเข้าช่วยจิเอโกะที่ใกล้จะโดนแช่แข็งโดยปลอมตัวเข้าไปในฐานที่มั่นของกลุ่มนักรบศักดิ์สิทธิ์ที่ออสเตรเลีย ก่อนจะจัดการเอเลี่ยนส์เสีย ...

เรื่องสุดท้ายของชุดผจญภัยข้ามขอบฟ้า แต่ถ้าจะเริ่มเขียนต่อก็ได้เพราะจบแบบเปิดไว้ หวงอี้เขียนเรื่องนี้ในปี 1995 ตอนนี้อ่านดูแล้วนึกถึงนิยายไซไฟเรื่อง 'Damia' ในชุด Tower and Hive ของ Anne McCaffrey ที่มีการติดต่อด้วยพลังจิตกับเอลี่ยนส์ที่พยายามหาและยึดครองโลกใหม่ กับ เจมส์ บอนด์ ตอน 'Moonraker' ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดูสนุกดี

แต่ในฐานะนิยายทำให้มีเวลาค่อยๆ อ่าน ทำให้รู้สึกแปลกพิกลหลายตอน เช่น ผู้ก่อการร้ายมีฐานที่มั่นอย่างหรู มีโรงไฟฟ้าพลังน้ำใต้ดิน (geothermal?) ไม่ทราบหาเงินที่ไหนมาสร้าง (ในเรื่องบอกว่าจับคนเรียกค่าไถ่ระดมเงินทุน ที่ยังไงก็ไม่น่าจะสร้างได้ขนาดนั้น) แถมมีเทคโนโลยีแช่แข็งมนุษย์แบบสมบูรณ์แบบอีก (ในเรื่อง 'สันดานดิบคืนชีพ' ก็มี แต่ระดับสมเหตุสมผลกว่ามาก) นอกจากนั้นถ้าคิดว่าจะนอนหลับไป 300 ปี แล้วไม่มีใครอยู่ดูแลนี่ก็เวอร์ไปหน่อย รับรองว่าตายกันเรียบเพราะขาดการซ่อมบำรุง อย่าว่าแต่พอตื่นขึ้นมาแล้วคงเป็นยุคกลางอย่างน้อยๆ จำนวนบุคลากรไม่กี่ร้อยไม่สามารถรักษาระดับเทคโนโลยีได้ แถม gene pool อาจจะไม่เพียงพอที่จะรักษา diversity จนอาจจะสูญพันธุ์เอาได้ง่ายๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าตรงนี้อาจไม่แปลกเท่าไหร่ ถ้าคิดจะก่อการแบบนี้ถ้าไม่บ้าก็เพี้ยนสุดกู่อยู่แล้ว

ตอนนี้ไม่ค่อยมีศัพท์แปลกๆ หลุดมาเท่าไหร่ แถมยังหาคนมาเช็คเรื่องการอ่านชื่อญี่ปุ่นด้วย เลยไม่ได้ลุ้นหรือฮาหนัก แต่อ่านจบแล้วก็เหงาๆ อยู่เหมือนกันนะคะ จบชุดแล้วหลังจากที่ออกมา 2 เล่มต่อเดือนอย่างสม่ำเสมอ
[06/11/10]

ที่มา
[1] หวงอี้ (น. นพรัตน์ แปล). ผจญภัยข้ามขอบฟ้า ตอนจอมมารจันทรา. สยามอินเตอร์บุ๊คส์, พิมพ์ครั้งที่ 1, 2553 (ต้นฉบับ 1988).
[2] หวงอี้ (น. นพรัตน์ แปล). ผจญภัยข้ามขอบฟ้า ตอนปริศนาแห่งพระเจ้า. สยามอินเตอร์บุ๊คส์, พิมพ์ครั้งที่ 1, 2553 (ต้นฉบับ 1989).
[3] หวงอี้ (น. นพรัตน์ แปล). ผจญภัยข้ามขอบฟ้า ตอนสันดานดิบคืนชีพ. สยามอินเตอร์บุ๊คส์, พิมพ์ครั้งที่ 1, 2553 (ต้นฉบับ 1989).
[4] หวงอี้ (น. นพรัตน์ แปล). ผจญภัยข้ามขอบฟ้า ตอนมนตราทะเลสาบ. สยามอินเตอร์บุ๊คส์, พิมพ์ครั้งที่ 1, 2553 (ต้นฉบับ 1989).
[5] หวงอี้ (น. นพรัตน์ แปล). ผจญภัยข้ามขอบฟ้า ตอนแอตแลนติสที่สาบสูญ. สยามอินเตอร์บุ๊คส์, พิมพ์ครั้งที่ 1, 2553 (ต้นฉบับ 1995).
[6] หวงอี้ (น. นพรัตน์ แปล). ผจญภัยข้ามขอบฟ้า ตอนมารฟ้านอกพิภพ. สยามอินเตอร์บุ๊คส์, พิมพ์ครั้งที่ 1, 177 หน้า 2553 (ต้นฉบับ 1995).


รายการนิยายจีนแปลไทย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Spy×Family - Endo Tatsuya

ลำนำรักเทพสวรรค์ - ถงหัว

สืบลับฉบับคาโมโนะฮาชิ รอน - Amano Akira