ผ่าสวรรค์ ราชันทะลุฟ้า - สุ่ยเผิงเฉิง

เรื่อง ผ่าสวรรค์ ราชันทะลุฟ้า
แต่งโดย สุ่ยเผิงเฉิง (Shui Peng Cheng) แปลโดย สนสราญ



ถังอี้หมิง - หวังเหมิ่ง - มู่หรงเค่อ - มู่หรงหลิงซิ่ว

ถังอี้หมิง เป็นเถ้าแก่เหมืองถ่านหินที่ถูกดินถล่มในเหมืองตอนกำลังอพยพคนงานก่อนเกิดแผ่นดินไหว แต่เมื่อกระเสือกกระสนขุดออกมาก็พบว่าย้อนไปยุคห้าชนเผ่าสิบหกแคว้น ในรัชศกหย่งซิงปีที่ 3 ซึ่งถังอี้หมิงแทบจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย

วิญญาณถังอี้หมิงเข้าร่างนายกองในกองกำลังฉี่หัวของแคว้นเว่ยที่บาดเจ็บระหว่างจักรพรรดิ หรั่นหมิ่น นำทัพรบกับแคว้นเยียนเอง ร่างใหม่มีอายุราวยี่สิบปี สูงเจ็ดฉื่อครึ่ง กำยำล่ำสัน ถึงไม่มีความจำร่างเดิม แต่ทักษะก็ยังคงอยู่ ถังอี้หมิงได้รับคำสั่งให้รักษาการณ์และคุมหทารที่บาดเจ็บ ก่อนเก็บกวาดสนามรบก็ช่วยทำแผลให้ทหารโดยต้มดอกผูกงอิง (แดนดิไลออน) มาล้างบาดแผลฆ่าเชื้อ

ถังอี้หมิงรู้ว่าหรั่นหมิ่นจะแพ้ ถูกจับและโดนประหาร แคว้นเว่ยและเมืองหลวงเยี่ยเฉิงถูกเยียนกลืน ชาวบ้านถูกฆ่าจำนวนมาก และคิดว่าทหารชั้นยอด (แต่บาดเจ็บเยอะ) ที่มี บวกกับความรู้ของยุคปัจจุบันที่สั่งสมมา ก็น่าจะสร้างกระแสเปลี่ยนแปลงได้ จึงหลอกทหารทั้งหมดห้าร้อยกว่าคนให้ถอยหนีโดยบอกว่าออกไปหาเสบียง

ระหว่างทางก็เจอกองทหารม้าเยียนสองร้อยกว่าคนที่อยู่อีกข้างของลำธารที่มีสะพานข้ามทางเดียว ถังอี้หมิงเลยปลอมเป็นทหารเยียนแทรกซึมเข้าไปฆ่าได้เกือบทั้งหมด แต่เมื่อทหารที่หนีไปเรียกอีกกองมาบุก พวกถังอี้หมิงเลยต้องยันเพื่อทำลายสะพาน ก่อนหนีไปในป่า ช่วยกุนซือ หวังข่าย ที่เดินทางมาส่งเสบียงที่เมืองจวี้ลู่ เพื่อให้ทหารส่วนใหญ่หนีไปก่อน ถังอี้หมิงนำทหารยี่สิบกว่าคนเป็นกองหลัง ฆ่าทหารม้ากว่าร้อยคน ล่าถอยผ่านหมู่บ้านที่มีคันนาสูงทำให้ทหารม้าต้องเข้ามาทีละน้อย ก่อนหนีไปเมืองจวี้ลู่

ถังอี้หมิงแนะนำให้เจ้าเมืองจวี้ลู่อพยพหนี แต่เจ้าเมืองไม่ยอมและจะจับกุมถังอี้หมิงข้อมหาทรยศ ถังอี้หมิงจึงฆ่าเจ้าเมืองและนำชาวบ้านพร้อมเสบียงทั้งหมดหนีลงใต้ โดยหวังข่ายเสนอให้ถังอี้หมิงเป็นผู้นำในฐานะขุนพลเชอจี้ (ขุนพลม้าและรถศึก) ทั้งยังส่งหวังข่ายและ หลี่กั๋วจู้ ที่มาจากเยี่ยเฉิงกลับไปอพยพครอบครัวและแจ้งข่าวให้ชาวเมืองหนีด้วย ทำให้ขบวนเพิ่มเหยียบหมื่น

ทหารเยียนยึดเมืองจวี้ลู่ได้โดยไม่ต้องรบ ใช้เวลาสักพักหนึ่งก่อนจะตามมา ทำให้ถังอี้หมิงต้องนำคนระวังท้าย สกัดกั้นทหารม้าเยียนด้วยวิธ๊ต่างๆ จนเผชิญทหารม้าชั้นเยี่ยมที่นำโดยท่านหญิง มู่หรงหลิงซิ่ว น้องสาวของเยียนอ๋อง มู่หรงจวิ้น ที่ทะลาะกันเรื่องการหมั้นหมายจนออกจากเมืองหลวงจี้เฉิงมาหาพี่สี่ มู่หรงเค่อ ที่เป็นแม่ทัพใหญ่สู้กับหรั่นหมิ่น และไปอยู่ในกองทัพของพี่ห้า มู่หรงป้า

เมื่อขึ้นฝั่งได้ก็ปะทะกับ ต้วนหลี บุตรชายคนรองของฉีอ๋อง ต้วนคาน ชาวเซียนเป่ยที่อพยพจากทางเหนือตอนหรานหมิ่นล้มแคว้นจ้าว และปักหลักที่ชิงโจวทางตอนใต้ของแม่น้ำหวงเหอ ถังอี้หมิงตีฝ่าพาคนไปตั้งมั่นที่เขาไท่ซาน เมื่อหวังข่ายพาคนสิบหมื่น (มีโฉมสะคราญในวังหกเจ็ดหมื่น) จากเยี่ยเฉิงมาสบทบก็เมื่อขึ้นฝั่งได้ก็เจอทหารของต้วนหลีอีกครั้ง แต่คราวนี้กุนซือ จินหย่ง ที่เป็นศิษย์ของ เว่ยฮูหยิน (นักอักษรศิลป์ที่สอน หวังซีจือ และมีชื่อเรื่องเพลงกระบี่หญิง) แปรพักตร์และฆ่าต้วนหลีตาย ทั้งยังบอกให้ถังอี้หมิงบุกเมืองจี่หนานเพื่อชิงเสบียง

ถังอี้หมิงพาคนในเมืองกลับไปด้วย รวมมียี่สิบกว่าหมื่น ทั้งยังพบสตรีคู่ใจ หลี่หรุ่ย จากยี่โจวในแคว้นจ้าว ที่ระหว่างกลียุคถูกจับเข้าวัง เมื่อต้วนคานพาทหารม้าสามหมื่นห้าพันบุกเขาไท่ซาน พวกถังอี้หมิงก็ใช้ทหารสองพันยันไว้ที่ทางแคบจนต้วนคานถอยทัพเพราะต้องเตรียมรับมือแคว้นเยียน แต่ทหารของถังอี้หมิงก็ตายไปเกินครึ่ง

ถังอี้หมิงพบ หวังเหมิ่ง นักปกครองและนักการทหารของแคว้นเฉียนฉินที่มีชื่อว่าเป็นยอดอัครเสนาบดีแห่งกวนจงและจูเก่อเลี่ยงแห่งเฉียนฉินในประวัติศาสตร์ กับพี่ชาย หวังหย่ง ที่เป็นชาวนา ถังอี้หมิงจึงใช้ความพยายามอย่างมากเกลี้ยกล่อมให้มาทำงานให้ ได้มีผู้มีความสามารถแคว้นเว่ยมาเสริม เช่น สมุหราชเลขาธิการ หวังเจี่ยน มีการจัดระบบการบริหาร แบ่งตำแหน่งความรับผิดชอบเป็นกงการเกษตร ชลประทาน ผลิตและการค้า ปกครอง และสันติบาล ทั้งยังตั้งกฏเกณฑ์ต่างๆ

ถังอี้หมิงรับสมัครทหารชายสามหมื่น ทหารหญิงสองหมื่น เปลี่ยนระบบยศทหาร ก่อสร้างป้อมโดยใช้ปูนซีเมนต์ที่ทำขากหินปูนและดินเหนียว หาถ่านหิินและแร่เหล็กมาถลุง (ดูแล้วน่าจะได้เหล็กหล่อ) และตีเป็นอาวุธ ตีโต้ต้วนคานที่ลอบส่งกำลังมาทางเชิงเขาอีกด้าน ใช้


เถาเป้า - หวนเวิน - เซี่ยอัน - ถังอี้หมิง

ในคำนำบอกว่าผู้แต่งเกิดเมื่อปี 1985 ชื่นชอบนิยายของกิมย้ง เริ่มเขียนนิยายกำลังภายในตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย และลงผลงานออนไลน์หลังจบมหาวิทยาลัย

สงสัยว่าใช้ชื่อปัจจุบัน แล้วชื่อเก่าคืออะไร ที่น่าสังเกตคือเป็นคนยุคปัจจุบันที่ไม่มีประวัติความรุนแรงมาก่อน เมื่อมาอดีตแล้วฆ่าคนเป็นว่าเล่นแบบไม่มีรำพึงรำพันเลย ความรู้สึกหลักคือโครงเรื่องน่าสนใจและตื่นเต้น แต่การบรรยายและรายละเอียดทำได้ไม่สุด มีความเวอร์และบังเอิญในระดับสูง การบรรยายภูมิประเทศและชัยภูมิยังไม่ละเอียดพอให้จินตนาการชัดเจน ทำให้ฉากแอคชั่นไม่เข้มข้นพอจะทำให้รู้สึกพลุ่งพล่านแบบ 'ไตรภาคสุยถัง'
ที่ว่าการบรรยายไม่ละเอียด ก็เช่นตอนที่แทรกซึมไปค่ายทหารเยียนที่ต้องใช้สะพานข้ามลำธาร ไม่มีอธิบายเรื่องขนาดสะพานและลำธารก่อน ที่ทำให้เห็นว่าต้องใช้สะพานข้ามเท่านั้น ทางเข้าหมู่บ้านที่มีคันนาทำให้ทหารม้าเยียนต้องบุกผ่านทางแคบๆ ปัญหาคือคันนามันจะสูงได้เท่าไหร่เชียว และไม่อธิบายภาพรวมให้ชัดเจนว่าทำไมทางเข้าหมู่บ้านถึงมีทางเดียว ยังดีที่การเก็บกวาดสนามรบและเก็บอาวุธยุโธปกรณ์มาใช้ชัดเจนมาก มูหรงเค่อ สิบหมื่น ตีปิงโจว สี่ แม่ทัพใหญ่ฝู่กั๋ว (ผดุงแคว้น) มูหรงผิง แปดหมื่น จี้โจว แม่ทัพเจิ้นเป่ย (สยบอุดร) มูหรงป้า หนึ่งหมื่น เกาถัง ห้า แม่เดียวเยียนอ๋อง มู่หรงจวิ้น มู่หรงหลิงซิ่ว มู่หรงเค่อ มู่หรวป๋า สาม ห้า แลกเปลี่ยนม้า เสบีบง และเวลาข้ามแม่น้ำหวงเหอ กับท่านหญิง เซียนเป่ยมีมู่หรง ยึดเหลียงตง ขับ อวี่เหวิน ต้วน เจอ ต้วนหลี บุตรชายคนรองของฉีอ๋อง ต้วนคาน ที่อาศัยตอนหรั่นหมิ่นปราบตระกูลสือแห่งแคว้นจ้าว ลงใต้มา ชิงโจว พาคนห้าหมื่นไปเขาไท่ซาน เจอ หวังเหมิ่ง คนสามสิบหมื่น ทหารสามหมื่น ไต้ซือ นำสัญจกนหยก มา จะไปจิ้น ถูกจับ มู่หรงเค่อรับบัฯชาเยียนอ๋องมา มีมู้หรงป๋า และมู่หรงซิ่วหลี ทหารม้าสองหมื่น ราบสามหมื่น
ตอนแรกที่ถังอี้หมิงคิดว่าไม่ค่อยรู้เรื่องของยุคสมัย ก็นึกว่าจะไม่รู้อะไรมาก แต่ทำไปทำมากลับจำได้ละเอียดสุดๆ อย่างเมืองที่จะถูกโจมตี และมีหลายครั้งที่ถังอี้หมิงไม่รู้วิธีการต่อสู้ในสมันเก่าและต้องให้ลูกน้องบัญชาการ การพิจารณาเรื่องเสบียงและการเดินทาง และการกำหนดจุดนัดพบอื่นๆ ที่คลุมเครือ (เช่นนัดพบที่เขาไท่ซาน จะหากันเจอได้อย่างไร) ทำให้รู้สึกว่าความเชื่อมั่นของถังอี้หมิงที่มากและประสบความสำเร็จจนเหมือนดูหมิ่นศักยภาพและความสามารถของยุคก่อนไปมาก


ในเรื่องเชิงเทคนิคมีข้อสงสัยตลอดเรื่อง อย่างถังอี้หมิงที่ถูกดินถล่มเพราะได้รับคำเตือนว่าจะเกิดแผ่นดินไหวจึงอพยพคนงานเพราะในปัจจุบันยังไม่สามารถทำนายแผ่นดินไหวหลักล่วงหน้า การรบระหว่างพลเดินเท้าและทหารม้าที่พลเดินเท้าสามารถฆ่าทหารม้าจำนวนถึงห้าเท่าได้โดยไม่อยู่ในสภาวะที่พิเศษจริงๆ แถมแรงเยอะเหลือเกิน บาดเจ็บหนักแบบเดินไม่ได้ยังหนีทหารม้ากันได้อีก ความรวดเร็วของการลามและความแรงของการใช้ไฟเป็นอาวุธ จำนวนคนในครัวเรือน (สามพันครัวเรือนมีหกพันคน) อัตราการตายจากการบาดเจ็บของทหาร ความเร็วและความอีดในการเดินทางของทหารที่บาดเจ็บและชาวบ้านทั่วไป ระยะเวลาที่ใช้ในการเตรียมการรับศึกต่างๆ
การแปลมีสับสนบ้าง เช่นใช้นนายทหารแทนทหาร
[21/12/21]

ที่มา
[1] Shui Peng Cheng (สนสราญ แปล). ผ่าสวรรค์ ราชันทะลุฟ้า. สำนักพิมพ์เอ็นเธอร์บุ๊คส์, เล่ม 1-2, 262 + 208 หน้า, 2563.


รายการนิยายจีนแปลไทย, ไทม์ไลน์หนังสืออิงประวัติศาสตร์/ย้อนยุค จีน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Spy×Family - Endo Tatsuya

ลำนำรักเทพสวรรค์ - ถงหัว

สืบลับฉบับคาโมโนะฮาชิ รอน - Amano Akira