Kingdom - Hara Yasuhisa

เรื่อง Kingdom
โดย Yasuhisa Hara



ซิ่น - อิ๋งเจิ้ง - หยางตวนเหอ - เหอเหลี่ยวเตียว - อิ๋งเจิ้ง & ซิ่น

เริ่มเรื่องในปี 245 ก่อน ค.ศ. ในหมู่บ้านเฉิงฮู่ของรัฐฉิน มีเด็กหนุ่มกำพร้าสองคน ซิ่น และ เพื่ยว ทำงานใช้แรงงานเหมือนทาสในบ้านของผู้ใหญ่บ้าน ทั้งคู่มีความฝันอยากเป็นขุนศึกและซ้อมดาบกันเองนับพันยก วันหนึ่งเสนาบดี ชางเหวินจวิน ผ่านมาและเห็นว่าหน้าตาเพื่ยวเหมือนฉินอ๋องลำดับที่ 31 อิ๋งเจิ้ง เลยรับตัวไปเป็นเงา ไม่นานก็เกิดการชิงบัลลังก์ในวัง พระอนุชา เฉิงเจี่ยว และอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้าย เจี๋ยซื่อ อาศัยช่วงที่อัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวา หลี่ว์ปู้เหวย พากองทัพไปตีรัฐเว่ย ใช้อำนาจกองทัพล้อมฆ่าอิ๋งเจิ้ง เพื่ยวที่เป็นเงาก็ตายจากอาการบาดเจ็บหลังจากหนีมามอบแผนที่ให้ซิ่น

ซิ่นไปหมู่บ้านเฮยเปยตามแผนที่และพบอิ๋งเจิ้ง เมื่อถูกตามล่า ทั้งสองกับเด็กกำพร้าชาวภูเขาที่เผ่าถูกล้าง เหอเหลี่ยวเตียว (ใส่ชุดฟางเป็นนกเค้าแมว) หนีไปยังอุทยานฤดูร้อนที่ร้างมาสี่ร้อยปีในป่าอันเป็นจุดนัดพบกับชางเหวินจวิน และเมื่อพิจารณาสถานการณ์ก็พบว่าหลี่ว์ปู้เหวยไม่สนใจจะกลับมาเพราะหวังให้ทั้งสองฝ่ายฆ่ากันให้ตายไปข้างแล้วค่อยมาชุปมือเปิบ อิ๋งเจิ้งจึงไปขอความร่วมมือจากราชาแห่งขุนเขา หยางตวนเหอ ที่หลายปีนี้รวบรวมชาวภูเขาจนเป็นกำลังที่เข้มแข็งแต่ไม่ไว้ในคนพื้นราบ เมื่อตกลงกันได้ก็พากำลังราวสามพันเข้าวังหลวงเพื่อจัดการกบฏแบบสายฟ้าแลบ ระหว่างนี้ซิ่นก็สนิทกับนายทหารผู้ช่วยแซ่ ปี้ ของชางเหวินจวินและสร้างผลงานโดดเด่นไม่น้อย [เล่ม 5]


เชียงฮุ่ย - หวังฉี - จื่อเซี่ย - ซือโหยว & ซิ่น - อิ๋งเจิ้ง & ซิ่น

รัฐฉีเกณฑ์คนไปรบกับทัพเว่ยที่นำโดยแม่ทัพ อู๋ชิ่ง ที่อยู่ในเจ็ดขุนพลมังกรเพลิงเว่ย ฝ่ายฉินมี เปียวกง เป็นแม่ทัพ ซิ่นก็เข้าร่วมกองพลเดินเท้าที่สี่จากทั้งหมดหกทัพโดยได้อยู่ในหมู่ห้าคนของ เจ๋อกุย ที่ดูติ๋มมาก (แต่ความจริงเอาลูกน้องให้รอดได้ดีเยี่ยม) ทำให้คนที่มาอยู่ด้วยดูจะไม่เอาไหน โดยเฉพาะ เชียงฮุ่ย ที่ตัวเล็กมาก ส่วนปี้เป็นนายพันกองพลม้า ในการรบที่ทุ่งเสอกานทัพสี่ถูกใช้เป็นเหยื่อจนตายเกือบหมด ทัพฉินชนะเมื่อเปียวกงฆ่าอู๋ชิ่ง ทางทัพสี่ ซิ่นและเชียงฮุ่ยก็ช่วยกันนำคนรอดมาได้บ้าง แถมยังตามนายพันกองพลม้า ฟู่หู่เซิน จนตัดหัวปลัดทัพเว่ยได้ ซิ่นจึงได้เลื่อนเป็นนายกองร้อย [เล่ม 7]

คั่นด้วยเรื่องแม่ค้า จื่อเซี่ย พาหนีอิ๋งเจิ้งหนีจากรัฐจ้าว การลอบฆ่าอิ๋งเจิ้งของนักฆ่าโดยคำสั่งของหลี่ว์ปู้เหวย ทำให้พบว่าเชียงฮุ่ยคือผู้ครองฉายา ซือโหยว ที่มีวิชากระบี่เป็นเลิศ ออกตามแก้แค้นคนสนิทที่ถูกรุมฆ่าในการสู้เพื่อฉายา ส่วนเรื่องการการลอบฆ่าก็ต้องเงียบๆ ไปเพราะอิ๋งเจิ้งไม่สามารถท้าทายหลี่ว์ปู้เหวยผู้มีสี่เสา คือ หลี่ซือ (ผู้ดูแลหลักกฏหมาย), ผู้ดูแลการทหาร ชางผิงจวิน, ขุนพล เหมิงอู่ และ ผู้ดูแลการฑูต ไช่เจ๋อ อดีตอัครมหาเสนาบดีสมัยเทพสงคราม เจาหวัง คือสามรัชสมัยที่แล้ว


เชียงฮุ่ย - ซิ่น - เหมิงอู่ - หน่วยเฟยซิ่น - หลี่มู่

ในช่วงสงบ ซิ่นไปขอฝึกกับแม่ทัพอสูรวิหค หวังฉี หกยอดขุนศึกคนสุดท้ายของเจาหวัง (หกขุนมี ไป๋ฉี่ ที่เป็นหนึ่งในสี่สุดยอดขุนพลยุครณรัฐในประวัติศาสตร์ หวังเหอ หูซาง ซือหม่าชั่ว หวังฉี และ จิว) หวังฉีซึ่งใช้การสอนแบบโยนลูกสิงโตลงหน้าผา (ตามลายลักษณ์อักษรเลยทีเดียว) ส่วนเหอเหลี่ยวเตียวที่ความจริงเป็นหญิงก็อยากเรียนวิชากระบี่กับเชียงฮุ่ยแต่ติดด้านร่างกาย เชียงฮุ่ยเลยแนะนำให้ไปศึกษาเป็นกุนซือ โดยเขียนจดหมายแนะนำให้ไปเรียนในสถาบันฝึกสอนกุนซือที่ชางผิงจวินดูแลอยู่ ศิษย์พี่คนหนึ่งคือ เหมิงอี้ หลานชายของแม่ทัพใหญ่ เหมิงอ้าว ฉายาผู้เฒ่าขาว และลูกชายคนรองของเหมิงอู่

ในปีที่ 3 ของ รัชศกสื่อหวง (244 ปี ก่อน ค.ศ.) เหมิงอ้าวยกพลสองแสนไปตีรัฐหานโดยคืบหน้าได้ดี แต่จ้าวอ๋องก็ให้หนึ่งในสามจอมเทพของรัฐจ้าว ยุทธเทพ ผังหน่วน พาพลเข้าจู่โจมฉิน ทหารจ้าวล้างเมืองหม่ายางเพื่อล้างแค้นการสังหารหมู่ที่ฉางผิง ทางฉินจึงให้หวังฉีเป็นแม่ทัพ (หวังฉีมีความแค้นที่ผังหน่วนฆ่าคนรัก จิว ในหกขุนพลเมื่อเก้าปีก่อน) โดยมีเหมิงอู่เป็นปลัดทัพ พาพลหนึ่งแสนนายเข้าสู้ ซิ่นได้เป็นนายกองร้อยของหน่วยพิเศษเฟยซิ่น รับคำสั่งจู่โจมสังหารปลัดทัพจ้าวที่เป็นมันสมองโดยยอมเสียทัพซ้ายหนึ่งหมื่นเป็นเหยื่อล่อ ผังหน่วนก็ดูจะเป็นแม่ทัพหุ่นเชิดเพราะเหล่าผู้ช่วยควบคุมกองทัพ งานนี้ผังหน่วนมีฝีมือการต่อสู้อันร้ายกาจในฐานะยุทธเทพผู้มีเทพหายนะในร่างได้ปะทะกับเชียงฮุ่ยที่เป็นผู้เชิญเทพ
[26/10/15]


หวังฉี - ซิ่น, เหอเหลี่ยวเตียว & อิ๋งเจิ้ง - ไทเฮา - ซิ่น, เหมิงเถียน & หวังเปิน

ทัพฉินประสบความสำเร็จ ไล่ทัพจ้าวเข้าไปในเทือกเขา เหมิงอู่ที่เป็นทัพหน้าขัดคำสั่งไล่ล่านอกขอบเขตจนดึงหวังฉีให้ตามไปและตกหลุมพรางของขุนพล หลี่มู่ (ที่มาพร้อมคนสนิท นายกองหญิง ไห่เนี่ย) ในสามจอมเทพแห่งรัฐเจ้า (และหนึ่งในสี่สุดยอดขุนพลยุครณรัฐ) ที่เพิ่งใช้ทหารแสนสามฆ่าล้างซงหนูสองแสนทางเหนือ หวังฉีเสียชีวิตหลังดวลกับผังหน่วนโดยได้มอบง้าวให้ซิ่นก่อนตาย การเป็นขุนศึกคือการแบกรับภาระ ตั้งแต่อายุสิบสามข้าท่องไปในสมรภูมินับไม่ถ้วน สูญเสียสหายศึกไปเป็นหมื่น ฝังร่างข้าศึกไปเป็นแสน ความปรารถนาซึ่งดับสูญไปพร้อมไฟชีวิตของคนเหล่านั้น ล้วนสถิตหนักอึ้งอยู่บนสองบ่านี้

หนึ่งปีหลังจากหวังฉีตาย เหลือเวลาเพียงห้าปีก่อนอิ๋งเจิ้งทำพิธีกวนหลี่ (ประดับมวยผม) และตำหนักในของไทเฮา (เหม่ยจี มณีแห่งหานตาน) ที่เป็นขั้วอำนาจที่สามต่อจากอ๋อง หลี่ว์ปู้เหวยก็เริ่มออกมาจากเบื้องหลังและบีบให้หลี่มู่มาเสียนหยางที่กลายเป็นการเริ่มพันธมิตรฉินจ้าวที่ร่วมมือกันจัดการหานและเว่ย
[27/11/15, 10/03/16, 03/05/16, 19/05/16]


เหลียนพัว - เชียงฮุ่ย & ซิ่น - เหอเหลี่ยวเตียว - ซิ่น - อิ๋งเจิ้ง

ในสงครามที่ฉินบุกเขตซานหยางของเว่ย ทางฉินมีเหมิงอ้าวเป็นแม่ทัพ ส่วนปลัดทัพคืออดีตขุนโจร หวนฉี และ หวังเจี่ยน (อีกหนึ่งในสี่สุดยอดขุนพลยุครณรัฐ) ส่วนทางเว่ยนำโดยแม่ทัพเว่ย แต่ผู้นำตัวจริงคือ เหลียนพัว อดีตสามจอมเทพรัฐจ้าวที่หนีจากจ้าวไปอาศัยเว่ยเมื่อสามปีก่อน (นี่ก็หนึ่งในสี่สุดยอดขุนพล) ซึ่งสู้กับเหมิงอ้าวตั้งแต่ยังหนุ่มโดยชนะมาตลอด ทัพฉินมีนายทหารหนุ่มดาวรุ่งหลายคน เช่น เหมิงเถียน ลูกคนโตของเหมิงอู่ (แต่ไซส์มินิไม่เหมือนปู่และพ่อ ถ้าพิจารณาตามกรรมพันธุ์แม่น่าจะสวยมาก) และ หวังเปิน ลูกของหวังเจี่ยน ส่วนซิ่นก็ได้เลื่อนเป็นนายกองพันโดยมีเงื่อนไขเรื่องผลงาน

เหลียนพัวที่มีสี่จตุรเทพในสังกัดปะทะกับเหมิงอ้าว หวังเจี่ยนแสดงฝีมือการสร้างป้อมปราการและความไม่ยอมเสี่ยงภัยได้แบบไป๋ฉี่ (จขบ. รู้สึกว่าการใช้ชื่อบัญชรภูมิที่แปลว่าหน้าต่างออกจะแปลกเพราะ hemmed in ground คือพื้นที่ปากทางที่จะเข้านั้นแคบที่ตอนถอยต้องอ้อมวกเป็นทางไกล ข้าศึกใช้กำลังน้อยเข้าโจมตีกำลังได้) เหลียนพัวสามารถบุกกองบัญชาการฉินจนตัดแขนเหมิงอ้าวจนทำท่าแย่ แต่หวนฉียึดกองบัญชาการเว่ยได้ก่อน เหลียนพัวปราชัยโดยเสียจตุรเทพไปสองคน ซิ่นมีความดีความชอบเป็นลำดับสามและได้เป็นนายกองพันถาวร
[20/06/16, 18/08/16, 25/08/16]


เถิง - เหอเหลี่ยวเตียว - หวนฉี - วาหลิน - เปียวกง

หลังจากการรบนี้เชียงฮุ่ยแยกตัวออกไปจัดการเรื่องของตัวเอง หน่วยเฟยซิ่นจึงแพ้ตลอดเพราะฝีมือวางแผนไม่เอาไหนของซิ่น ผลการรบดีขึ้นมากเมื่อได้เหอเหลี่ยวเตียวมาเป็นกุนซือ ในภาพรวมรัฐฉินแสดงเจตนารมณ์ขยายดินแดนโดยชางผิงจวินประกาศผนวกซานหยางเข้าเป็นตงจวิ้น ย้ายประชากร บังคับใช้กฏหมายและให้หลี่ซือปกครอง ส่วนแคว้นจ้าวก็บุกเอี้ยนที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ หลี่มู่เอาชนะได้อย่างสบาย ด้านการเมืองรัฐฉิน หลี่ว์ปู้เหวยดึงไทเฮาเข้าร่วมโดยการส่ง เล่าไอ่ เข้าวัง อิ๋งเจิ้งจึงดึงพระอนุชาเฉิงเจี่ยวที่ถูกขังเข้าพวก เมื่อหลี่ว์ปู้เหวยขึ้นเป็นสมุหนายก ตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีจึงแบ่งครึ่ง ชางผิงจวินเป็นฝ่ายขวา ชางเหวินจวินเป็นฝ่ายซ้าย สุดท้ายคือนางกำนัล เซี่ยง ตั้งครรภ์ลูกของอิ๋งเจิ้ง

ปี 241 ก่อน ค.ศ. หลี่มู่ในฐานะมหาอุปราชรัฐจ้าวและมหาอุปราชรัฐฉู่ ชุนเซินจวิน ร่วมมือกันรวบรวมพันธมิตรห้ารัฐเข้าบุกฉิน (ไช่เจ๋อใช้การทูตให้รัฐฉีไม่ขยับ) เสนาธิการทางฉินสรุปว่าโอกาสรอดเดียวคือการต้านรับที่ด่านหานกู่กวน (เป็นครั้งแรกที่เห็นชางผิงจวินโทรมขนาดนี้ 555) โดยให้เหมิงอ้าว, จางถัง และหวนฉี ประจำกำแพงด่าน ปะทะ อู๋เฟิ่งหมิง จอมทัพเว่ย (หนึ่งแสน) กับ เฉิงฮุย จอมทัพหาน (ห้าหมื่น), หวังเจี่ยน (เจ็ดหมื่น) อยู่ในเทือกเขาทางซ้าย รับ อู้หลู่ตัว จอมทัพเอี้ยน (แสนสองหมื่น) ในเทือกเขาทางขวา มีมือขวาหวังฉี เถิง (สามหมื่น), เหมิงอู่ (หกหมื่น) และเปียวกง (สี่หมื่น) อยู่สุดปีกขวา รับ ฮั่นหมิง จอมทัพฉู่ (แสนห้าหมื่น) ที่แบ่งเป็นทัพย่อยของ หลินอู่จวิน กับ วาหลิน และสุดท้าย ชิ่งเส่อ ปลัดทัพจ้าว (แสนสองหมื่น) [เล่ม 25]
[27/08/16]

ฉินอ๋อง & ชาวเมืองจุ้ย - เหอเหลี่ยวเตียว & ซิ่น - หยางตวนเหอ - เชียงฮุ่ย

ศึกครั้งนี้นับว่าอลังการมาก เริ่มจากปีกขวาสุดของเปียวกงที่เป็นขุนพลสายสัญชาติญาณ ทำให้ซิ่นเริ่มฉายแววและฆ่าแม่ทัพผู้รอดชีวิตจากการฝังหมู่สี่แสนที่ฉางผิงได้ ที่ปีกขวาฉินสู้กับฉู่ทำให้เหมิงเถียนและหวังเปินเจอนายกอง ไป๋ลี่ และ เซี่ยงอี้ (ใช้ดาบม่อเหยในตำนาน ไม่ทราบเป็นอะไรกับฌ้อปาอ๋องหรือเปล่า) และฆ่าแม่ทัพฉู่หลินอู่จวิน, ที่ด่านหานกู่กวน หวนฉีก็ได้แสดงความเทพเป็นพิเศษ หลังจากวันแรกก็เป็นการรบทอนกำลังจนถึงวันที่สิบห้าซึ่งเป็นจุดพลิกผันของการรบ อู้หลู่ตัวตามหวังเจี่ยนเข้าในเทือกเขาจนเสียท่า เหมิงอู่ฆ่าฮั่นหมิงได้ วาหลินสามารถส่งยอดฝีมือห้าพันคนข้ามเทือกเขาเข้าหลังด่าน แต่ก็โดนหวังเจี่ยนตลบ

หลี่มู่พากำลังสามหมื่นถึงสี่หมื่นตัดเข้าหลังด่านอู่กวนทางใต้ ตะลุยไปเสียนหยางอย่างรวดเร็ว เปียวกงนำทหารห้าพันไล่ตามทันแต่ถูกผังหน่วนฆ่าตาย ซิ่นพาทหารที่เหลือสองพันไปสมทบกับอิ๋งเจิ้งที่เมืองจุ้ยอันเป็นด่านสุดท้ายในการรับศึก โดยฉินอ๋องได้การสนับสนุนจากเฉิงเจี่ยวและชางผิงจวิน ใช้คนในสำนักกุนซือ ทหารห้าพัน และชาวเมืองสามหมื่นที่มีเด็ก สตรี คนชราถึงสองหมื่น (ชายฉกรรจ์ส่วนใหญ่ถูกส่งไปหานกู่กวน) ให้ต่อสู้ต้านทาน ฉินอ๋องก็สามารถปลุกเร้าใจทหารพลเรือน เสียชาวเมืองครึ่งหนึ่งรักษาเมืองจนหยางตวนเหอมาช่วยทัน จากสื่อจี้จ้าวสื่อเจีย (บันทึกประวัติศาสตร์ภาคประวัติจ้าวอ๋อง) ปีที่สี่ รัชศกเต้าเซียงหวังแห่งจ้าว ผังหน่วนขุนพลจ้าวแลเอกพลขันธ์แห่งจ้าว ฉู่ เว่ย เอี้ยน ต่อตีฉินจุ้ย หาได้คลอนแคลน (241 ปีก่อนคริสต์ศักราช ผังหน่วนคุมกำลังทหารมือหนึ่งจากจ้าว ฉู่ เว่ย และเอี้ยน เข้าโจมตีเมืองจุ้ยของฉิน แต่ตีไม่แตก) [เล่ม 33]
[19/12/16, 01/02/17, 02/05/17, 26/07/17, 23/08/17]


หวังเปิน & หน่วยอวี้เฟิ่ง - ผู้นำหน่วยเฟยซิ่น - ฉินอ๋อง

หวังเปินได้เลื่อนเป็นนายกองสามพัน เหมิงเถียนสองพัน ส่วนซิ่นได้เลื่อนเป็นนายกองสามพันจากผลงานขั้นวิสามัญชั้นโท นำหน่วยเฟยซิ่นที่ได้กำลังของเปียวกงมาเสริมไปฟื้นฟูเขตแนวหน้าเจี้ยชางอัน และเชียงฮุ่ยที่แก้แค้นสำเร็จก็กลับมาด้วย หลังจากการตายอย่างสงบของเหมิงอ้าวก็เข้าสู่ช่วงปีครึ่งก่อนอิ๋งเจิ้งจะเข้าพิธีกวนหลี่และเถลิงราชย์อย่างเป็นทางการ  เฉิงเจี่ยวที่สนับสนุนอิ๋งเจิ้งก็ถูกอุบายหลี่ว์ปู้เหวยจนกลายเป็นกบฏและเสียชีวิต

ในการศึกฉูยงระหว่างฉินและเว่ย สามขุนพลมังกรเพลิงเว่ยที่น่าจะตายไปแล้วก็ปรากฏตัว โดยอู๋เฟิงหมิงที่นำทัพเว่ยได้อาจารย์นักกลยุทธ์ หลิงหวง สนับสนุน ฝ่ายฉินมีเถิงเป็นแม่ทัพ (ที่เริ่มมีการพูดจาแบบหวังฉี) ได้พารุ่นเยาว์มาลับฝีมือ ซิ่นเจอมังกรเพลิง ข่ายเมิง ที่จับตัวเหอเหลียวเตียวไป หวังเปินที่ใช้ทวนเกือบไม่รอดเมื่อปะทะมังกรเพลิงผู้เป็นปรมาจารย์ทวน จื่อป้า (จื๋อหย่ง) สุดท้ายเว่ยถอนทัพโดยเสียสองมังกรเพลิง เถิงขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ ซิ่นกับหวังเปินขึ้นเป็นนายกองห้าพันอันเป็นด่านสุดท้ายก่อนเป็นแม่ทัพ และฉินใช้ซานหยางและฉูยงคุกคามเว่ยแลตอกย้ำการล่มสลายของเจ็ดมหารัฐจั้นกั๋ว
[23/08/17, 03/11/17, 29/11/17]

- ยวน รองหัวหน้าหน่วยเฟยซิ่น - หวนฉี & ชิ่งเส่อ

ไทเฮาพาเล่าไอ่ไปตั้งรัฐไอ่ที่เมืองไท่หยวนทางเหนือสุด อาศัยพิธีกวนหลี่ของอิ๋งเจิ้งที่เมืองยงอันเป็นเมืองหลวงเก่า (ตรงนี้สงสัยที่บอกว่าเมืองยงอยู่ห่างจากเสียนหยางไปพันห้าร้อยลี้หรือราว 150 กม. เพราะปกติลี้หนึ่งจะประมาณครึ่ง กม.) ให้แม่ทัพ ฝานอวี๋ซี นำทหารผ่านด่านหานกู่กวนบุกเสียนหยางโดยได้หลี่ว์ปู้เหวยช่วยเปิดทาง แต่ชางผิงจวินก็ย้ายข้างก่อนการเผชิญหน้าด้านอุดมคติการปกครองระหว่างฉินอ๋องและหลี่ว์ปู้เหวย

เหล่าผู้ไร้นามทั้งหลาย รูปลักษณ์และฐานะผิดแผกกัน ทว่าพวกเขาทุกคน ล้วนดิ้นรนเปล่งแสงสว่างในดวงใจตนเต็มสามารถ ตราบสิ้นลมหายใจ และแสงสว่างนั้น ก็มีผู้รับสืบทอด ทั้งยังเปล่งแสงสืบไป ด้วยใจแข็งขันเข้มแข็ง ผู้กระทำเช่นนั้นล้วนมีสัมพันธ์ต่อกัน ล้วนมุ่งหน้าสู่ทิศทางอันประเสริฐยิ่งๆ ขึ้นไป ผู้คนจมสู่อนธการ เพราะดวงตาคลาดจากแสงที่มีในตน แลไปไม่พบ ดิ้นรนทรมาน กำเนิดเป็นทุกขเวทนา เหตุอันยิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งขยายทุกขเวทนานั้น และ พาคนให้ร่วงหล่นสู่อนธการคือสงคราม ฉะนั้นข้าจักขจัดสงครามให้สิ้นไปจากโลกนี้โดยแสนยานุภาพ ตัวข้าคืออ๋องผู้หนึ่งแห่งรณรัฐ ฟ้าลิขิตให้ข้ามิอาจหลีกหนีจากการศึก เช่นนั้นข้าจักยุติการศึกในยุคสมัยของข้า มาตรแม้นต้องรับคำครหาว่าเป็นทรราช ด้วยเดชแห่งข้าจงหยวนจักไร้ซึ่งการแบ่งแยก จักไร้ซึ่งสูงต่ำ จักเป็นหนึ่งเดียว เฉกเช่นนี้ยุคใหม่ของข้าก็ย่อมมิแคล้วจักเป็นโลกซึ่งคนมิได้ฆ่าคนอีกต่อไป
[05/03/18, 10/04/18]


ชางผิงจวินคาดเวลาว่าแคว้นฉินมีเวลาสิบห้าปีที่สามารถทุ่มเททรัพยากรเพื่อรวบรวมใต้หล้าได้ จะมีการตั้งหกขุนรุ่นใหม่ทำให้เส้นตายเป้าหมายของซิ่งในการเป็นแม่ทัพใกล้เข้ามาอีก การรบต่อไปของซิ่นในฐานะนายกองห้าพันคือช่วยหวนฉี (พื้นเพเป็นโจรป่า) แย่งพื้นที่ป่าที่มีเนินสูงตรงกลางกับแคว้นจ้าวที่ชิ่งเส่อนำทัพ งานนี้หวนฉีและพลพรรคแสดงความสามารถด้านกลยุทธ์แบบที่คาดและไม่คาดจากโจรป่า เซียงฮุ่ยบาดเจ็บ เหอเหลียวเตียวแสดงฝีมือโดดเด่นในฐานะกุนซือ ซิ่นเด็ดหัวชิ่งเส่อได้แต่แตกคอกับหานฉีที่ชนะศึกเฮยหยางได้อย่างเหนือชั้นด้วยวิธีต่ำช้า ทำให้ซิ่นที่ไม่พอใจจนวิวาทยิ่งต้องการเป็นยอดขุนศึกเพื่อยับยั้งหวนฉี หลังการศึกนี้หน่วยเฟยซิ่นพักผ่อนและพัฒนาหาคนเพิ่มเติม แคว้นจ้าวได้ จีฮุ่ย เป็นขุนศึกคนใหม่ รัฐอื่นล้วนมองฉินเป็นศัตรูสำคัญ เหมิงอู่คอยคุมเชิงวาหลินแห่งฉู่ เถิงเจออู๋เฟิ่งหมิงแห่งเว่ย

ช่วงพักรบทางสายบุ๋นรับมือหนัก ไช่เจ๋อจัดการให้ฉีอ๋อง หวังเจี้ยนหวังมาพบอิ๋งเจิ้งและถกกันเรื่องการรวมจงหยวนจนฉีอ๋องยอมสยบ ณ อวสานแห่งสงครามขัดแย้งห้าร้อยปีคือนิติรัฐอันมีสันติและความเสมอภาค โดยได้หลี่ซือช่วย กฏหมายคือความจำนง คือการสร้างอุดมคติแห่งคุณลักษณะราษฎรอันพึงประสงค์ของรัฐนั้นให้เป็นรูปธรรม แต่หลี่มู่ที่ติดมาด้วยก็ประกาศความเป็นศัตรูหลังข้อเสนอทำสัญญาสันติภาพถูกปฏิเสธ
[04/06/18, 17/07/18, 06/09/18, 02/10/18]

หลี่มู่ใช้กลยุทธ์ป้องกันมณฑลประจิมแบบทำศึกยืดเยื้อ ชางผิงจวินจึงเสี่ยงให้ตัดลงใต้เข้าไปยึดเมืองเย่ที่อยู่ทางใต้ของเมืองหานตาน ในรัชศกสื่อหวงปีที่ 11 หวังเจี่ยน หยางตวนเหอ และหวนฉี นำทัพสองแสนบุกรัฐจ้าว ใช้มณฑลประจิมเป็นนกต่อแล้วตัดลงใต้ไปเมืองเย่ หวังเจี่ยนกวาดต้อนชาวจ้าวให้เข้าไปอยู่ในเมืองเย่และให้หวนฉีใช้พลหกหมื่นปิดล้อมให้เสบียงในเย่หมด เพิ่มคนอีกหมื่นให้หยางตวนเหอตรึงกำลังทัพเหลียวหยาง ตัวเองพาพวกดาวรุ่งรวมพลเกือบเก้าหมื่นไปเอ้ออวี่เพื่อรับมือหลี่มู่ที่มีพลแสนสองหมื่นจนปะทะกันที่ทุ่งจูไห่ (ทะเลแดง) งานนี้เดือดพล่าน รุ่นใหม่เผชิญรุ่นเก่าที่ถูกซ่อนไว้ ทั้งสองฝ่ายผลัดกันได้เปรียบเสียเปรียบ
[07/11/18, 06/02/19, 19/03/19, 23/04/19, 19/08/19]


หยางตวนเหอยึดเมืองเหลียวหยางได้ในวันที่สิบ ส่วนที่ทุ่งจูไห่ที่หวังเจี่ยนบัญชาการ เสียขุนพลไปหลายคน ทางปีกซ้ายเหมิงเถียนได้ทำหน้าที่ขุนพล ทางปีกขวาเสียผู้บัญชาการ เหล่าผู้นำประชุมขอให้ตั้งหวังเปิน แต่กลับได้รับคำสั่งให้รบต่อ ทำให้ทั้งหน่วยของหวังเปินและซิ่นที่กำลังขาดเสบียงต้องก้าวข้ามขีดจำกัดเพื่อเอาตัวรอด ต่อมาหวังเปิดบาดเจ็บสาหัสในวันที่สิบสาม ซิ่นจึงเป็นผู้บัญชาการปีกขวา ยื้อจนวันที่สิบห้าที่ทัพกลางหวังเจี่ยนเข้าปะทะทัพกลางหลี่มู่ โดยทั้งสองฝ่ายวางกลศึกปลิดชีพจอมทัพ โดยซิ่นฆ่าผังหน่วนได้ (เซียงฮุ่ยใช้อายุขัยส่วนหนึ่งแลกชีวิตซิ่นมาได้) หวังเจี่ยนสรุปว่าที่ทุ่งจูไห่ หลี่มู่เฉียบแหลมกว่าขั้นหนึ่ง แต่ฉินมีสามหมากหนุ่มที่ก่อกวนหลี่มู่จนเป็นปัจจัยสำคัญในการชี้ชาดผลการรบ [เล่ม 58]
[19/11/19, 20/02/20, 31/05/20, 15/10/20, 31/01/21]

หลี่มู่ถอยทัพไปช่วยเมืองเย่โดนมีหวังเจี่ยนไล่ตามมาติดๆ ถึงหลี่มู่มาถึงเย่ก่อนเมืองแตก แต่ก็ล้าหนัก เจอทัพหวนฉีที่พร้อมรบ ประจวบกัยผู้ลี้ภัยที่ติดอยู่ในเมืองก่อนความวุ่นวายหนีออกมา หวนฉีแบ่งคนสวนเข้าไปยึดเมืองเย่ได้ หลี่มู่จึงถอนกำลังกลับ ทัพฉินที่เข้าเมืองเย่ก็ย่ำแย่เพราะขาดเสบียง ชางผิงจวินส่งเสบียงทางน้ำโดยหลอกล่อว่าส่งทางบก แต่ก็ยังถูกหลี่มู่ตลบหลังจนใกล้ชนะเด็ดขาด แต่หลี่มู่ถูกจ้าวอ๋องจับตัวกลับเมืองหลวง ไม่อยู่รับมือสุดท้ายของหวังเจี่ยนที่ให้ซื้อเสบียงจากรัฐฉีทางทิศตะวันออกที่ตรงข้ามกัน

เมื่อยึดเย่ได้มั่นแล้ว เถิงนำทัพสี่หมื่นตีเลี่ยเหว่ยเพื่อสร้างทางเชื่อมต่อฉินและเย่ โดยมีอีกสองหมื่นยกมาจากเย่ กองทัพจ้าวสามหมื่นที่ขาดกำลังเสริมจากกองทัพภาคเหนือและไม่พอใจที่จ้าวอ๋องจะประหารหลี่มู่จึงถอยทัพกลับหานตาน ทำให้ทัพฉินสามารถยึดเลียงหยาง สร้างเขตยึดครองสามเหลี่ยมที่มั่นคง สามารถสลับกำลังและส่งชาวฉินเข้ามาตั้งถิ่นฐานได้โดยสะดวก (ความรู้สึกหลักตรงนี้คือทั้งฉีอ๋องและจ้าวอ๋องล้วนมองแต่ผลประโยชน์ส่วนตัวเฉพาะหน้าเล็กน้อยจนสิ้นชาติ)
[31/01/21, 10/07/21]


เหมิงเถียน หวังเปิน และซิ่น มีความดีความชอบระดับวิสามัญขั้นเอก ได้รับแต่งตั้งเป็นแม่ทัพ คุมกำลังหนึ่งหมื่น (ซิ่นมีกำลังของเซียงฮุ่ยอีกห้าพันด้วย) โดยซิ่นได้รับพระราชทานแซ่เป็น หลี่ซิ่น ไม่นานชางผิงจวินฉวยโอกาสที่หลี่มู่ถูกขังคุกใกล้ถูกประหาร ให้หวังเจี่ยนบุกหานตาน ทั้งสามกองทัพจึงเป็นกำลังที่ถูกเรียกตัว แต่กลายเป็นจ้าวอ๋องตายกระทันหัน รัชทายาท เจีย ปล่อยบัณฑิตและหลี่มู่ ส่งกองทัพนครหลวงออกสู้ทัพฉิน แต่ กัวไค ยึดอำนาจให้องค์ชายเล็ก เชียน ที่ยิ่งมัวเมากว่าพระบิดา หลี่มู่พาเจียหนีไปเมืองฝ่าเส้าทางเหนือ [เล่ม 60]
[10/07/21, 21/03/22]

ปี 236 ก่อน ค.ศ. ทางเหอหนานก็มีเรื่องหลี่ว์ปู้เหวยซ่องสมกำลัง จนอิ๋งเจิ้งเดินทางไปพบ หลี่ว์ปู้เหวยสอนอิ๋งเจิ้งเรื่องความโหดเหี้ยมและแสร้งฆ่าตัวตาย กัวไคที่ว่าราชการแคว้นจ้าวและรับศึกด้วยแนวทางของหลีมู่ก็สามารถยันทัพฉินไว้ได้ ชางผิงจวินเสนอทำสัญญาพันธมิตรกับแคว้นเว่ยสามปีโดยจะร่วมกันตีเมืองสือหู่ของฉู่อันเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์รอยต่อแคว้นเว่ย ฉู่ หาน และฉิน แล้วฉินจะยกสือหู่ให้เว่ย ซึ่งจะทำให้ฉินสามารถถึงกำลังที่ตรึงชายแดนเว่ยมาใช้จู่โจมจ้าวได้

จิ๋งหมิ่นหวังแห่งแคว้นเว่ยตอบตกลง ส่งมังกรเพลิงอู๋เฟิ่งหมิงนำทัพเจ็ดหมื่นไปช่วยเหมิงอู่ที่นำทัพสามหมื่นและเถิงที่นำกองหนุนหมื่น สู้กับทัพฉู่แปหมื่นที่นำโดยเจ้าเมือง โซ่วหูหวัง และแม่ทัพ หมานอวี่ และทัพหนุนสามหมื่นของแม่ทัพ ไป๋ลี่ และ เซี่ยงอี้ ที่อุปราชวาหลินส่งมาช่วย งานนี้อู๋เฟิ่งหมิงเป็นผู้วางกลยุทธ์ให้แม่ทัพฉินเป็นตัวบุกจนชนะ หมานอวี่ถอนทัพไปนครหลวงหลวงฉู่

เว่ยครอบครองสือหู่ที่เป็นชัยภูมิเชื่อมสี่รัฐและจะรุกรานหานเพื่อขยายไปทางตะวันตก ฉินจะครอบครองจ้าว (ที่อู๋เฟิ่งหมิงคิดว่าฉินทำไม่ได้) และจะรบกันในอีกสามปีให้หลัง ฉินบุกหานตาน ทัพเล่อหัวของเหมิงเถียนและทัพอวี้เฟิ่งของหวังเปินสามารถผลักดันแนวหน้า แต่หน่วยเฟยซิ่ยเพลี่ยงพล้ำเพราะพลเดินเท้าบกพร่องและเซียงฮุ่ยต้องพักฟื้นหลังใช้วิชาเรียกคืนที่ทำให้เสียอายุขัย

เซียงหลี่ ศิษย์น้องของเซียงฮุ่ยชนะพิธีบวงสรวงเป็นซือโหยวและเดินทางมาขอเข้าร่วมกองทัพ ถึงฝีมือเทียบเท่าเซียงฮุ่ยแต่วิกลจริตกระหายการฆ่าคน ไม่ฟังคำสั่ง และท้าประลองกับเซียงฮุ่ย สุดท้ายเซียงหลี่ก็เข้าใจตนเองและมาอยู่กับเซียงฮุ่ย

อิ๋งเจิ้งรื้อฟื้นหกยอดขุนศึก รุ่นใหม่มี เหมิงอู่ เถิง หวังเจี่ยน หยางตวนเหอ หวนฉี ลำดับที่หกว่างอยู่ ได้รับปีกจากรูปจำลองทูตสวรค์ทรงปีกทองคำหกปีก หวังเจี่ยน หยางตวนเหอ และหวนฉี เปิดศึกกับรัฐจ้าวทันที ขณะที่แนวหน้ากำลังยันกันอยู่ ผู้บัญชาการสูงสุดทัพจ้าวคืออารักษ์หานตาน ฮู่เจ๋อ นำพลสองแสนสี่หมื่นปะทะแปดหมื่นของหวนฉี ทางปีกซ้ายมีเนินอิ่งชิวที่ทัพอวี้เฟิ่งเสียหายหนัก หวังเปินบาดเจ็บสาหัส ทัพเฟยซิ่นถูกส่งเข้ามาแทน สามารถใช้ข้อมูลและกำลังที่ทัพอวี้เฟิ่งวางไว้ บุกขึ้นหน้าผายึดตำแหน่งปีกขวาจ้าวดึงกำลังจากส่วนกลางทัพจ้าว หวนฉีซุ่มซ่อนพลม้าชั้นเลิศและบุกเข้าตีกองบัญชาการฮู่เจ๋อสำเร็จ ทัพจ้าวแตกพ่าย ยอมแพ้เป็นเชลยกว่าสิบหมื่น

หวนฉีสั่งสังหารเชลยที่จะเป็นอันตรายต่อการรวมแผ่นดิน อิ๋งเจิ้งยกทัพมาสมรภูมิเพื่อตักเตือนเอง ทัพฉินยึดเมืองอู่เฉิงและหวนฉีตีเมืองผิงหยางได้สำเร็จ คืบหน้าเข้าใกล้เมืองหลวงหานตานขอรัฐจ้าว แต่เจอแนวกำแพงป้องกันด้านหลังอู่เฉิงและผิงหยางยาวกว่าสองร้อยห้าสิบลี้ที่หลี่มู่วางแผนให้เชื่อมต่อไว้เมื่อสามปีก่อน ถึงหลี่มู่จะออกจากราชสำนัก กัวไคก็ดำเนินการจนสำเร็จ หวังเจี่ยนเสนอแนวทางให้อ้อมกำแพงขึ้นเหนือ รวมทัพใหญ่ผ่านไท่หยวนโจมตีตอนเหนือของจ้าว

ชางผิงจวินกำหนดแผนยุทธศาสตร์รุกอี๋อันเสร็จในห้าเดือน แต่หลังฮู่เจ๋อพ่าน กัวไคแปลงสารไม่ให้เหลียนพัวที่อยู่แคว้นฉู่กลับแคว้นจ้าว โดยจ้าวอ๋ององค์ใหม่ให้อำนาจหลี่มู่นำทัพแบบเบ็ดเสร็จ (แต่หลอน) ซึ่งหลี่มู่ก็เตรียมการศึกที่อี๋อัน หวังเจี่ยนตีเมืองเอ้ออวี่โดยให้หวนฉีระวังหลัง หลี่มู่รวบรวมทหารรักษาเมืองจากญาติของเชลยที่หวนฉีสังหาร ซากทัพของฮู่เจ๋อบุกทะลวงเพื่อฆ่าหวังฉีแต่เฟยซิ่นกันไว้ได้ ถึงหวังเจี่ยนตีเมืองได้แต่ใช้เวลาและสูญเสียมากกว่าที่คาดถึงสามเท่า
[21/03/22, 16/05/23, 26/10/23, 23/12/23, 23/01/24, 18/03/24]

ทัพหวังเจี่ยนต้องพักฟื้นที่เอ้ออวี่ ให้หวนฉียกพลล่วงหน้าไปรวมพลที่ไท่หยวน สถานการณ์ตรงตามแผนการหั่นครึ่งกำลังของหลี่มู่ ทัพใหญ่ฉินภาคอุดรบูรพาจำนวนสองแสนถูกจู่โจมโดยทัพหลางเมิ่งของจ้าวที่เตรียมตัวมาครึ่งปี รี้พลฉินที่เป็นกองกำลังรวมหลายเมืองเกินครึ่งถอยกลับไท่หยวน ที่ไปรวมพลได้มีเพียงห้าหมื่น

หวนฉีนำทัพแสนสี่หมื่นบุกต่อ เมืองฉี่อลี้ด้านหน้าเมืองอี๋อันยอมแพ้โดยไม่่ต่อสู้ ทัพของปี้เป็นกองหน้า ทัพเหมิงเถียนปีกซ้าย ทัพซิ่นปีกขวา ปะทะหลี่มู่ที่เตรียมพร้อมที่อี๋อันมาครึ่งปี รวมพลได้สามแสนหนึ่งหมื่น ล่อทัพฉินเข้ามาลึกควบคุมชัยภูมิ กำลังรบต้องการปกป้องครอบครัว ทำให้ทัพฉินถูกล้อมขยี้ ซิ่นสลายปีกขวาไปรวมกับปีกซ้าย ร่วมเจาะการปิดล้อมของทัพเมืองชิงเกอออกไปได้โดยเสียหายเกินครึ่ง หลี่มู่จึงปล่อยไปและมุ่งกำจัดหานฉี
[18/03/24, 25/04/24]

ก่อนอื่นต้องบอกว่านี่เป็นยุคในประวัติศาสตร์จีนที่ จขบ. รู้สึกสนใจมากที่สุด ยังไงก็มีแนวโน้มจะชอบอยู่แล้ว โครงเรื่องถึงจะอิงบทสรุปของประวัติศาสตร์ แต่รายละเอียดใส่ใหม่เลยทำให้ลุ้นได้บ้าง การดำเนินเรื่องสนุกมากค่ะ โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์ทางการเมือง (ถ้าไม่ลงรายละเอียดมากนัก 555) และความโหดร้ายของสงคราม (แต่ก็ไม่กราฟฟิคจนแหวะ) แต่พอเขียนไปนานขึ้น เรื่องดูจะเปลี่ยนเป็นการแสวงหาเกียรติยศชื่อเสียง ความเป็นตายของคนทั่วไปชักจะหายไป ฉากบู๊ก็ทำได้ตื่นเต้นน่าติดตามมากถึงมากที่สุด มีส่วนของอารมณ์ขันที่ไม่ทำให้เครียดมากเกินแทรกอยู่ตลอด การแปลก็ดูดีเลยค่ะที่ใช้ชื่อแบบจีน ไม่ใช่อ่านแบบญี่ปุ่น ทำให้ จขบ. รู้สึกขอบคุณคนแปลมาก การสะกดก็ใช้ได้ แน่นอนเรื่องตัวละกดก็ผิดบ้าง ชื่อไม่สม่ำเสมอบ้าง แต่ถือว่าน้อยมาก สรุปว่ามาตรฐานอักษรเรื่องนี้สูงมากค่ะ

ส่วนลายเส้น จขบ. รู้สึกแปลกๆ ไปบ้าง โดยเฉพาะเรื่องขนาดสัมพัทธ์ระหว่างขนาดตัวคน และสิ่งก่อสร้างต่างๆ อ้อ ภาพพจน์ของขุนพลในยุคนั้นบางคนก็รู้สึกรับไม่ได้อยู่ไม่น้อย (แบบว่า เอิ่ม แม่ทัพหวังฉีกลายเป็นกระเทยควาย...ตามคำในเรื่อง) และเนื่องจากฉากหลังละเอียดมาก ตัวคนเลยดูลอยออกมาบ้าง แต่ลายเส้นในภาพรวมก็ดูเหมาะกับเรื่องดีค่ะ สุดท้ายคือตามชื่อในเล่มแรกคิดว่าพระเอกน่าจะเป็นขุนพลหลี่ซิ่นที่ไม่ค่อยมีผลงานโดดเด่นมากนัก ในภาพรวมก็ถือว่าโดดเด่นน่าติดตามมากนะคะ เวลาอ่านบทบู๊จะรู้สึกว่าอะดรีนาลีนกระฉูด ดุเดือดเลือดพล่านมาก ชอบถึงระดับสูงสุด แบบชักจะเริ่มนำ 'Vinland Saga' เลยค่ะ
[26/10/15, 01/05/16, 25/05/17]

ที่มา
[1] Yasuhisa Hara. Kingdom. Siam Inter Comics, เล่ม 1-66, 2557-2566 (ต้นฉบับ 2006).


รายการการ์ตูนญี่ปุ่น, ไทม์ไลน์หนังสืออิงประวัติศาสตร์/ย้อนยุค จีน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Spy×Family - Endo Tatsuya

ลำนำรักเทพสวรรค์ - ถงหัว

สืบลับฉบับคาโมโนะฮาชิ รอน - Amano Akira