Vinland Saga - Yukimura Makoto

เรื่อง Vinland Saga สงครามคนทมิฬ
โดย Makoto Yukimura


นี่ก็เป็นการ์ตูนอิงประวัติศาสตร์เรื่องโปรดอีกเล่มค่ะ แบบว่าทั้งเรื่องก็เข้มข้นอย่างยิ่ง โหดร้ายสมยุคสมัย ลายเส้นอย่างเลิศ ตัวละครก็มีตัวตนจริงบ้าง อ้างที่คล้ายๆ กันบ้าง แต่งขึ้นบ้าง แต่ก็ผสมผสานได้เนียนดี ช่วงต่อสู้ก็โหดเหี้ยมทารุณชัดเจนถึงจะเวอร์ไปหน่อย แต่ออกช้าจังค่ะ ระดับความชอบอยู่ระดับสูงสุดและเหนือกว่า 'ยูเมเนส จอมคนพลิกโลก' เพราะไม่เจอสภาพทางจิตที่หลอนน่าสะพรึงกลัวนัก

ในภาพรวมเรื่องนี้แปลดีกว่า 'ยูเมเนส' คือถึงจะมีแปลกๆ บ้าง แต่ก็พอเดาได้ อย่าง แลม (ซุงทลายประตู Ram), นอซันเบรีย (Northumbria), เวเสคส์ (Wessex), บาส (Bath) ฯลฯ แน่นอนว่าชื่อคนก็สะกดเปลี่ยนไปเรื่อยๆ อย่างโฟรกิ/โฟรคิ, อาเชลัด/อาเชรัด/อาเซรัต, คูนูท/คนูท, เอเซลเล็ด/เอเธล์เรด ซึ่งชื่อที่เขียนในนี้จะยึดตามแบบเดียวนะคะ
[28/05/14]



ทอลฟีน - โทลุส - อาเซรัต & โทลเคล - คนูท & แร็กนัล - ทอลฟีน

ปี 1002 ที่หมู่บ้านเล็กๆ ในไอซ์แลนด์ที่ชาวบ้านหนีมาจากนอร์เวย์หลังจากฮาลัลด์ตั้งคนเป็นกษัตริย์ มีครอบครัวหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆ คือคู่สามีภรรยา โทลุส สโนเลสัน และ เฮลก้า มีลูกสาว ยูลวา (ราว 16 ปี) และลูกชาย ทอลฟีน คาร์เซฟนี่ (6 ขวบ) โดยไม่มีทาสทำงานให้และโทลุสยังให้ความช่วยเหลือทาสของโซ่เหล็ก ฮาฟดัน ที่หนีมาด้วยโดยยอมซื้อไว้ถึงจะใกล้ตายก็ตาม แต่ความหนาวที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี ทำให้ชาวบ้านอยู่อย่างลำบาก เรื่องการเดินทางไปวินแลนด์ที่ เลฟ อีริคสัน พ่อค้าจากกรีนแลนด์เล่าให้เด็กๆ ฟังกลายเป็นความหวังและความฝันอย่างหนึ่ง

เบื้องหลังของโทลุสคือเป็นหนึ่งในสี่ขุนพลของนักรบโยมส์ที่นำโดย แม่ทัพ ซิกวาลดี้ และตั้งอยู่ที่โยมส์เบิร์ก โทลุสเก่งมาก (และดูจะมีฝีมือในการรบสูงที่สุดในเรื่อง) จนมีฉายาว่าโทรลหรืออสูรสงคราม และได้แต่งงานกับลูกสาวคนเดียวของซิกวาลดี้ แต่หลังจากที่ลูกสาวเกิด โทลุสก็ใช้โอกาสพาครอบครัวหนีออกไปจากกองทหาร

เมื่อพระราชา เอเธล์เรด แห่งอังกฤษสั่งฆ่าหมู่ชาวเดน (St. Brice's Day massacre) ทำให้ สเวน กษัตริย์แห่งเดนมาร์ก ใช้เป็นข้ออ้างในการบุก โดย โฟรคิ นำกองทหารโยมส์มาตามนายกองใหญ่ที่หนีทัพเมื่อสิบห้าปีก่อนและบังคับให้โทลุสพาคนในหมู่บ้านที่อยากไปรบมาด้วยก่อนนำหน้าไปก่อน ระหว่างทางเรือของโทลุสและเลฟหยุดที่เกาะสเตรเมในหมู่เกาะแฟโรส์ โฟรกิจ้าง อาเชลัด บุตรแห่ง วอรัฟ (และ ลิเดีย ผู้สืบสายเลือดโดยตรงของ อัลเทรียส แห่งเวลส์ที่ถูกพวกไวกิ้งจับเป็นทาส) และลูกน้องให้ฆ่าโทลุสที่เก่งมาก โชว์ความเท่และความเทพถึงที่สุดก่อนจะเป็นเป้านิ่งให้ฆ่าเพราะทอลฟีนถูกจับเป็นตัวประกัน


ทอลฟีน - คนูท - อาเชลัด - ทอลฟีน & เอนัล - ทอลฟีน

ทอร์ฟีนติดตามเป็นลูกน้องของอาเชลัดที่นำพลนอร์แมนออกปล้นสดมภ์ ส่วนฤดูหนาวตั้งฐานที่หมู่บ้านของ โกลุม ที่แหลมยุทแลนด์ เรื่องกระโดดไปปี 1008 ที่ปล้นที่อังกฤษ, 1012 ที่แทรกเข้าไประหว่างการสู้รบของชาวแฟรงค์ ประสบการณ์เสี่ยงตายทำให้ทอร์ฟีนเก่งขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับอายุและขนาดร่างกาย เมื่อได้โอกาสก็จะท้าดวลกับอาเชลัดแต่ก็แพ้มาตลอด และในปี 1013 กองทัพเรือเดนมาร์กบุกอังกฤษ อาเชลัดและโฟรคิเข้าร่วมเป็นทหารรับจ้างด้วย เอเซลเล็ดหนีไปฝรั่งเศส

เมื่อชาวเดนรุกถึงลอนดอนก็พบว่ามี โทลเคล (หนึ่งในสี่ขุนพลนักรบโยมส์และน้องชายของซิกวาลดี้) ไปรับจ้างช่วยฝ่ายอังกฤษและเก่งจนทำให้การรุกไม่คืบหน้า (ถึงตอนนี้ทอลฟีนก็มีพิษสงถึงขั้นตัดนิ้วโทลเคลได้แล้ว) สเวนจึงไปเวเสคส์ที่เป็นศูนย์กลางและทิ้งทหารของ แร็กนัล ให้ล้อมลอนดอนไว้โดยมีพระโอรสวัย 17 ที่ไม่เอาไหน คนูท เป็นผู้บังคับบัญชา โดยหวังว่าจะตายเพื่อให้หมดปัญหาการชิงบัลลังค์กับเจ้าชาย ฮารัลด์ ผู้เป็นพี่

เมื่อถึงฤดูหนาว อาเชลัดเลือกตั้งแคมป์ทางตะวันตกแถวบาส เมื่อโทลเคลจับตัวคนูทได้ ก็อาศัยช่วงที่แร็กนัลเข้าชิงตัวเข้าข้ดขวางโทลเคล พาคนูทหนีผ่านเวลส์ สุดท้ายก็ไม่พ้น โทลเคลไล่ล่าจนพวกลูกน้องหันดาบเข้าหาอาเชลัดที่ถึงรอดก็เจ็บไม่เบา ทอลฟีนจึงท้าดวลโทลเคลโดยมีอาเชลัดเป็นเดิมพัน ผลการต่อสู้ทำให้ทอลฟีนถูกเรียกว่าคาสเซฟนี (ความเป็นลูกผู้ชาย ในเล่ม 14 เรียกคาลเซฟน์หรือวีรบุรุษ) แต่เรื่องก็จบเมื่อคนูทเปลี่ยนแปลง รับทั้งโทลเคลและอาเชลัดเข้าเป็นกำลังในการชิงบัลลังก์


คนูท - กัลซัล & อัลเนส - ทอลฟีน - ทอลฟีน - กุสรีส

คนูทไปพบสเวนที่เมืองเกนสุวาร่า (Gainsborough?) และสามารถเอาชีวิตรอดมาได้ ก่อนไปยอร์คที่มีงานฉลอง (ซึ่งทอลฟีนก็ได้พบเลฟที่ยอร์คนี่ด้วย) สเวนที่ต้องการฆ่าคนูทจึงใช้เวลส์มาบีบอาเชลัดที่ตัดสินใจใช้กงจื้อถวายเศียรตัวเอง ฆ่าสเวนเพื่อให้คนูทเข้ากุมอำนาจเมื่อปี 1014 สู้กับเอเธล์เรดและโอรสก่อนสามารถขึ้นเป็นกษัตริย์อังกฤษและเดนมาร์กในปี 1018

ทอลฟีนถูกขายเป็นทาสที่ไร่ของ เคทีล บนแหลมยุตแลนด์ คนสำคัญในไร่นี้ก็มีนายใหญ่ สเวลเคล และ งู (โรอาลด์ บุตรแห่งกริม) หัวโจกกลุ่มที่ทำหน้าที่คุ้มกันไร่ ส่วน โทลกิล ลูกชายคนโตของเคทีลไปรบไม่ค่อยอยู่ คนรองที่อยู่ไร่ก็ไม่เอาไหน ทอลฟีนมีชีวิตอย่างซังกะตายจนถึงปี 1015 ได้เจอทาสคนใหม่ เอนัล อดีตชาวไร่จากอังกฤษที่ได้แรงจูงใจจากเคทีลให้ทำงานมาไถ่ตัวเอง ซึ่งทั้งคู่ก็เป็นที่ถูกในของสเวลเคล งานชาวไร่ทำให้ทอลฟีนสงบใจลงได้ ชีวิตเงียบสงบจนถึงเดือนตุลาคมปี 1018 เมื่อเกิดเหตุ กัลซัล ทาสฟาร์มข้างๆ ทำร้ายเจ้าของและตามหา อัลเนส เมียที่กลายเป็นหญิงของเคทีล

ในขณะที่คนูทต้องการเงิน จึงหาทางบีบเคทีลที่ร่ำรวยด้วยวิธีการต่างๆ รวมถึงพาทหารบุกยึดฟาร์ม ซึ่งเลฟมาไถ่ตัวทอลฟีนออกไปและยังได้เอนัลไปด้วยกัน ในการรบครั้งแรกฝ่ายชาวนาพ่ายยับ ทอลฟีนที่นึกถึงนายใหญ่ออกหน้าให้ โดยยอมรับร้อยหมัด ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกัน ไม่เคยมีความแค้นต่อกัน แต่พวกเจ้ากลับใช้กำลังเข้าห้ำหั่นกัน มันช่างงี่เง่ายิ่งนัก ... วันนี้พวกเราเพิ่งจะได้เจอกัน พวกเจ้าไม่ใช่ศัตรูของข้าและข้าก็ไม่มีใครเป็นศัตรู เพื่อเข้าพบคนูท ด้วยอำนาจที่เจ้ามีอยู่นั้น การช่วยเหลือคนหมู่มากโดยการข่มเหงคนกลุ่มน้อยมันอาจเป็นเรื่องปกติ สำหรับข้าแล้วก็ไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เจ้าทำมันดีรึไม่ดียังไง ข้าไม่อาจติเตียนการกระทำของเจ้าได้ เพราะงั้น... จึงมีแต่ต้องจะหนี หนีไปยังที่แสนไกลซึ่งอำนาจของเจ้าเอื้อมไปไม่ถึง ซึ่งก็ทำให้คนูทคลายปมในใจได้ด้วย ปล่อยให้เคทีลมีฟาร์มที่เล็กลงมาก และใช้วิธีให้เกิดความไว้ใจมากขึ้นจนขึ้นเป็นกษัตริย์อังกฤษอย่างมั่นคง
[13/10/14, 20/03/15]

ในปี 1018 เลฟพาทอลฟีนและเอนัลไปไอซ์แลนด์ ทอลฟีนโดนพี่สาวที่แต่งงานกับ อาเร่ และเป็นคุณแม่ลูกสี่ซัดเอาซะน่วม แถมยังแรงเยอะเหมือนพ่ออีก 555 ทอลฟีนต้องการไปสร้างดินแดนแห่งสันติที่วินแลนด์ จึงต้องกู้เงินจากฮาฟดันและเริ่มหาเงินทุนโดยการเอสเขาของนาร์วาลไปขายที่กรีซในฐานะเขายูนิคอร์น ซึ่งพวกเลฟคาดว่าต้องใช้เวลาราวสองปี และในทีมที่ไปยังมีสาวทอม กุสรีส อดีตน้องสะใภ้หม้ายของเลฟที่หนีงานแต่งกับ ซิกลุด ลูกชายของฮาฟดันด้วย

ซิกลุดไล่ตามเพราะเสียเกียรติแต่ทางเลฟเดินทางผ่านหมู่เกาะแฟโรห์และเชตแลนด์ได้สบายๆ แต่ที่เชตแลยด์ครอยครัวเพื่อนของเลฟถูกฆ่า เหลือเด็กทารก คัลริ รอดคนเดียว ญาติห่างๆ ก็ไม่กล้ารับเลี้ยงเพราะเป็นเรื่องระหว่างตระกูลใหญ่ เลฟจึงดูแลเด็กต่อไปก่อนจนไปถึงนอร์เวย์ (ดูแผนที่ตอนนี้แล้วรู้สึกว่าถ้าเขียนเป็นแผนที่ตามสมัยและใช้ชื่อตามสมัยด้วยคงดูรีโทรกว่าเยอะนะคะ) และในวันแรกคณะของเลฟก็ถูกหมีทำร้าย ที่สุดท้ายได้ถูกฆ่าด้วยหน้าไม้ของ พรานหญิง ฮิลด์ ที่เป็นอัจฉริยะในเชิงช่างและมีความแค้นกับทอลฟีนที่ฆ่าพ่อเมื่อแปดปีก่อนตอนยังอยู่ใต้อาเชรัด และตั้งใจจะฆ่า แต่สุดท้ายก็ยอมให้ทอลฟีนได้ชดใช้และเข้าคณะเดินทางอีกคน

เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ เลฟไปแลกเปลี่ยนของที่เมืองเยลลิงก์อันเป็นที่ประทับของพระราชาเดนมาร์ก ทำให้ทอลฟีนพบโทลเคลและโฟรคิจนเข้าไปพัวพันกับการเลือกหัวหน้าใหญ่ของกองทัพนักรบโยมส์ที่ว่างลงโดยไม่มีผู้สืบทอด โดย แวกน์ ได้แยกตัวออกจากฐานทัพใหญ่โยมส์เบิร์ก ส่วนโฟรคิต้องการเสนอ บาร์ดอน บัลดอล หลานชายตัวเองที่ยังเด็กไปถึงแปดปีในฐานะลูกของหัวหน้าใหญ่รุ่นก่อนและหลานของซิกวาลดี้อันเป็นหัวหน้ารุ่นที่สอง โทลเคลเลยเสนอทอลฟีนในฐานะหลานของซิกวาลดี้ มีทั้งสายเลือด ความสามารถ และอายุที่เหมาะสม ผลคือโฟรคิส่งเด็กหนุ่ม การ์ม ไปฆ่าแวกน์และไล่ล่าทอลฟีลโดยการจับพวกเลฟเป็นตัวประกัน ทอลฟีนตามมาที่โยมส์เบิร์กตอนโทลเคลบุก หลังสู้แทบเป็นแทบตาย โทคเคลชนะและไดัรับอนุญาติจากคนูทให้มีอำนาจในการจัดการเต็ม เลยให้ทอลฟีนเป็นประมุข ทอลฟีนเลยประกาศยุบกองทัพโยมส์เอาดื้อๆ ทอลฟีนออกเดินทางไปมิคลาการ์ดสองปี

ทอลฟีนกลับไอซ์แลนด์ในปี 1021 แบบครบครอบครัวกับกุสริสและลูกชาย คัลริ มีเรือหกลำ คืนดีกับฮาฟตัน และเตรียมไปบุกเบิกวินแลนด์ด้วยกองเรือห้าลำ การอพยพย้ายถิ่นไปวินแลนด์มีเรื่องที่ต้องวางแผนมากมาย รวมถึงการชักจูงคนให้ไปด้วย (คนที่ไปด้วยรวมถึง ฮัลวาล หรือ ฮัลวาร์ ลูกชายของอาเซรัตที่แม่เลี้ยงมาแบบผู้หญิงในชื่อ คอเดเรีย) โดยมีเงื่อนไขว่าจะไม่ให้มีดาบอันเป็นอาวุธฆ่าคนโดยเฉพาะ แต่อาวุธอื่นมีได้เพื่อล่าสัตว์และยังชีพ ทำให้มีคนไม่พอใจมาก ฮาฟตันได้แนะนำเรื่องการควบคุมสังคมของธิงก์ (ประชาคม) ทำให้ทอลฟืนเสนอแนวทางสันติภาพจากการค้าและการพึ่งพาอาศัย

ท้ายเล่ม 23 มีเรื่องสั้น 'เพราะซาโยนาระใกล้แค่เอื้อม' ที่เขียนเมื่อปี 2004 ตอนผู้แต่งอายุ 28 ตีพิมพ์ในนิตยสารอีฟนิ่งของโคดันฉะ เป็นเรื่องในญี่ปุ่นช่วงปลายการปกครองของซามูไร ปี 1868 เรื่องของ โอคิตะ โซจิ ในกลุ่มชินเซ็น ที่ป่วยและรักษาตัวอยู่บาน แต่ไม่ยอมกินข้าว เอาให้นกกินหมด ในขณะที่ กอนโด ที่ไปรบแพ้ถูกตัดคอ ตัวฉันมันก็ไม่ได้เกี่ยวพันอะไรเป็นพิเศษสักหน่อย ไม่ว่าจะฝ่ายบาคุฟุรึฝ่ายจักรพรรดิ ก็แต่เกิดมาในตระกูลซามูไร ก็แค่ช่ำชองวิชาดาบนิดหน่อย แต่ทุกคนสิไม่รู้ว่าเป็นอะไรกันหมด ทั้งที่ฝีมือแย่แต่ก็ยังดิ้นรนต่อสู้ จะอ้างความซื่อสัตย์อ้างความภักดีมันก็ถูกกันทั้งหนั้นแหละ แต่สุดท้ายมันก็แค่การฆ่าฟันกันไม่ใช่รืไง
[26/02/16, 04/10/16, 23/01/17, 13/07/17, 22/09/17, 31/05/18, 29/10/19, 03/07/20]

ทอลฟีนเตรียมออกเดินทางจากไอซ์แลนด์ไปฟาร์มแบรตตารี่ของเลฟที่กรีนแลนด์ ข้ามไปทางเฮลลูแลนด์ (ดินแดนโขดหิน) ผ่านมาร์กแลนด์ (ดินแดนป่าทึบ) และสุดท้ายจบที่วินแลนด์ (ดินแดนทุ่งหญ้า) หาบริเวณที่มีเงื่อนไขเหมาะสม คือต้องมีอ่าวให้จอดเรือ มีแหล่งน้ำสะอาด มีป่าเพื่อก่อสร้างและเชื้อเพลิง มีทุ่งหญ้าทำการเกษตรและปศุสัตว์ และไม่มีใครเป็นเจ้าของที่ดิน

ทอลฟีนยอมให้คนบางส่วนที่ไม่อยากเดินทางต่อตั้งหมู่่บ้านที่มาร์กแลนด์เพื่อเป็นฐานเชื่อมต่อกับกรีนแลนด์ และพากลุ่มหลักตั้งหมู่บ้านอาร์เนสที่ชายฝั่งทางเหนือของเกาะ (ปัจจุบันคือเกาะปรินซ์เอ็ดเวิร์ด) ถางป่าทำไร่นา ติดต่อและเปลี่ยนกับชาวพื้นเมือง ฮิลด์ให้อภัยทอร์ฟืน และกุสริสก็กำลังตั้งครรภ์ การตั้งรกรากดูเหมือนไปได้ดี แต่ในกลุ่มคนที่ไปด้วยก็มีคนที่คิดจะยึดอำนาจและใช้กำลังในการยึดครอง เช่น อิวาร์ ที่จงใจเผชิญหน้ากับทอลฟีนเพราะคิดว่าอ่อนแอและตัวเล็กไม่น่าเกรงขาม

อดีตนักรบโยมส์ วาลกัล ที่มีหน้าที่ล่องเรือติดต่อระหว่างที่บุกเบิกและไอซ์แลนด์ ได้พบว่าหมู่บ้านที่มาร์กแลนด์ร้าง คนหายไปหมด ข่าวทำให้ชาวบ้านกลัว อิวาร์ถือโอกาสเสนอให้สร้างป้อมและอาวุธโดยได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มผู้ชาย ส่วนแนวทางสันติของทอปฟีนได้รับการสนับสนุนจากผู้หญิงที่มีจำนวนน้อยกว่า


[30/07/24, 31/08/24]

ที่มา
[1] Makoto Yukimura. สงครามคนทมิฬ (Vinland Saga). Siam Inter Comics, เล่ม 1-24, 25-27, 2551-2564 (ต้นฉบับ 2006-2019).

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หาญท้าชะตาฟ้า ปริศนายุทธจักร - มาวนี่

Kaijyu No. 8 - Matsumoto Naoya

สืบลับฉบับคาโมโนะฮาชิ รอน - Amano Akira