สยบฟ้าพิชิตปฐพี - Mao Ni

เรื่อง สยบฟ้าพิชิตปฐพี (Jiang Ye)
แต่งโดย Mao Ni แปลโดย มดแดง และ ซือเสียนทรงพล


ใช้เล่ม 11-13 ตอบ ภารกิจพิชิตกองดอง #22, เล่ม 14-15 ตอบ #Bingo1A นะคะ


หนิงเชวีย - เฉาเสี่ยวซู่ - ซังซัง - ซย่าโหว - เฉินผีผี

เปิดเรื่อง 'อรุณรุ่งที่ต้าถัง' เมื่อศิษย์สัญจรทั่วปฐพีของสามสุดยอดสถานที่ลึกลับคือ ซีเนี่ยน แห่งวัดเสวียนคง (พุทธ), เยี่ยซู แห่งอารามจือโส่ว (พรต) และ หนุ่มน้อยแซ่ ถัง แห่งสำนักต้าหมิง (มาร) ได้มาชุมนุมกันในทุ้งร้างเพราะการปรากฏของร่องรอยการกำเนิดตามตำนานของทายาทหมิงหวัง (พญายมราช) หรือไม่ก็ผู้หยั่งรู้บนโลก

แต่เรื่องก็ตัดไปที่ต้าถังในรัชสมัยเทียนฉีปีที่หนึ่งของฮ่องเต้ หลี่จ้งอี้ ซึ่งแม่ทัพเซวียนเวย หลินกวงหย่วน ไปล่วงเกินแม่ทัพใหญ่เจิ้นจวิน ซย่าโหว ที่เป็นหนึ่งในสี่แม่ทัพที่มีอำนาจสูงสุด หลังการตรวจสอบของพระอนุชา ชินอ๋อง หลี่เฟยเหยียน ก็ได้ข้อสรุปว่าเป็นกบฏ ยึดทรัพย์และประหารชีวิตคนทั้งบ้าน ที่เหลือรอดมีเพียงเด็กชายอายุสี่ขวบซึ่งก็ระเหเรร่อนในชื่อ หนิงเชวีย ภายหลังเก็บเด็กหญิง ซังซัง จากกองซากศพมาดูแลและให้อยู่ในฐานะสาวใช้ เป็นเพื่อนกับ จั๋วเอ่อร์ ที่มีความแค้นล้างหมู่บ้านและแยกทางเมื่อจั๋วเอ่อร์กราบอาจารย์เพื่อฝึกฌาณ

สิบสองปีให้หลัง หนิงเชวียเป็นทหารที่เมืองเว่ยที่ชายแดนติดทุ่งหญ้า มีชื่อด้านการวางแผน สามารถนำทหารเข้าจับกุมปล้นสดมภ์โจรขี่ม้าจนราบคาบจนได้ฉายาว่าคนตัดฟืนแห่งทะเลสาบซูปี้ (หวีมรกต) ทำความดีความชอบจนได้เสนอชื่อให้ไปสอบเข้าสถานศึกษาที่เมืองหลวง นอกจากนี้หนิงเชวียศึกษาคัมภีร์สนองตอบธรรมชาติอันเป็นจุดเริ่มของการฝึกฌาณและมีลายพู่กันที่โดดเด่นมาก

พอดีองค์หญิงสี่ หลี่อวี๋ ที่สมรสกับผู้นำเผ่าจินจั้งได้สามปีต้องเดินทางกลับต้าถังหลังสามีตาย น้องชายยึดอำนาจขึ้นแทน ระหว่างทางถูกโจรโจมตีหนัก จึงต้องการผู้นำทางจากเมืองเว่ย ซึ่งรองแม่ทัพประจำเมืองก็เสนอหนิงเชวียให้ใช้โอกาสนี้เข้าเมืองหลวงเพื่อเตรียมตัว เดิมหนิงเชวียไม่อยากไปเพราะอันตราย แต่เมื่อทราบว่าผู้คุ้มครององค์หญิงนอกจากทหารองครักษ์ยังมี หลี่ว์ชิงเฉิน แห่งนิกายเฮ่าเทียนฝ่ายใต้ที่ฝึกถึงด่านสู่พิสดารอยู่ด้วย
หลงชิ่ง - จวินโม่ -โม่ซันซัน - ชวีนีหม่าตี้ - เยี่ยหงอวี๋

หนิงเซวียมีส่วนช่วยให้ขบวนเดินทางไปพบกองกำลังคุ้มกันได้โดยปลอดภัย หลี่ว์ชิงเฉินสนใจหนิงเชวียมากจนลองทดสอบจุดชีพจรให้ แต่ก็พบว่าหนิงเชวียมีจำนวนจุดชีพจรเปิดโล่งไม่พอที่จะฝึก เลยทำได้เพียงเล่าเรื่องการฝึกและระดับขั้น ด่านแรกสัมผัส ด่านรับรู้ ด่านไร้ฉงน ด่านสู่พิสดาร ด่านรู้ชะตา (แต่ไม่ได้กล่าวถึงด่านที่ข้ามด่านทั้งห้าที่แยกตามนิกายคือ ด่านไร้ขอบเขต ดับสูญ เบิกนภาของนิกายเต๋า ไร้ระยะของนิกายพุทธ อสูรฟ้าของพรรคมาร และยังมีด่านในตำนานของนิกายเต๋าคือด่านไร้กระทำหรือด่านวิสุทธิ์สงบ) และลักษณะการใช้พลังจิตผนึกพลังปฐมแห่งฟ้า (จอมยันต์ จอมข่ายเวท จอมกระบี่ จอมคาถา) ให้ฟัง

เมื่อถึงฉางอัน หนิงเชวียและซังซังก็หาทางเอาตัวรอดด้านการเงินโดยเปิดร้านขายภาพอักษรลายพู่กันเหล่าปี่ไจ (เรือนเซียนพู่กัน) แต่จั๋วเอ่อร์ที่ถูกส่งไปเป็นสายในพรรคอวี๋หลง (มัจฉามังกร) ที่เป็นอันดับหนึ่งในเมืองหลวงและประทับใจหัวหน้าพรรคอย่างมากว่าเป็นคนดีก็ถูกฆ่าต่อหน้าหนิงเชวีย จั๋วเอ่อร์ได้ทิ้งรายชื่อคนไว้ซึ่งคาดว่าเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอดีต หนิงเชวียจึงออกล้างแค้นโดยฆ่าขุนนางที่อยู่ในรายชื่อทีละคนอย่างใจเย็น แน่นอวนว่ามีผิดคาดบ้าง แต่ก็เอาตัวรอดมาได้ จากการแก่งแย่งของพรรคและผู้ยิ่งใหญ่ในเมืองหลวง หัวหน้าพรรคอวี๋หลง เฉาเสี่ยวซู่ ก็มาขอให้หนิงเชวียช่วงระวังหลังให้ขณะใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อคู่แข่งออกมาให้หมดจะได้ตลบหลัง ผลสุดท้ายฉากหลังของพรรคอวี๋หลงถูกเปิดเผย เฉาเสี่ยวซู่ออกจากตำแหน่งเพื่อฝึกตนต่อหลังจากเข้าด่านรู้ชะตา และหนิงเชวียถูกดึงเป็นราชองครักษ์ลับ

การสอบเข้าสำนักศึกษามีหกวิชา ที่หนิงเชวียถนัดมากคือคำนวณ ขับขี่ และยิงธนู ส่วนที่ไม่ได้เลยคือจารีตธรรม วรรณกรรม และดนตรี ซึ่งหนิงเซวียก็สามารถสอบได้ผลคะแนนดีเลิศและห่วยสุดอย่างสามวิชา เข้าไปเรียนได้ ซึ่งจุดเด่นสุดของสำนักคือหอสมุดจิ้วซูที่มีตำราฝึกฌาณที่ถูกคัดลอกโดยจอมยันต์ระดับยันต์เทวะทำให้การอ่านเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ซึ่งหนิงเชวียก็พยายามทู่ซี้จนได้แลกข้อความ (ปะฉะดะ) กับ เฉินผีผี รุ่นพี่ชาวซีหลิงที่ทำคะแนนสอบเข้าดีที่สุดในรอบร้อยปีและศึกษาอยู่ที่ชั้นสอง สถานศึกษามีชื่อเพราะมีชั้นสองที่จอมปราชญ์ผู้อาจารย์ใหญ่สอนเอง และเป็นหนึ่งในสี่สถานที่ที่เป็นปริศนาอันเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ในโลกุตระ ซึ่งอีกสามแห่งคืออารามจือโส่ว (รู้รักษ์) วัดเสวียนคง (กลางเวหา) และ สำนักของพรรคมาร

หนิงเชวียดื้อแพ่งฝึกปราณ ความคิดที่ว่าคนเราสามารถเอาชนะธรรมชาติได้เป็นความปรารถนาอันสวยหรู ในแง่จิตใจ บ่อยครั้งที่สามารถกระตุ้นให้มนุษย์พัฒนาไปข้างหน้าโดยไม่หยุดยั้ง แต่ในเรื่องที่เป็นรูปธรรม มิได้หมายความว่าเพียงอาศัยความตั้งใจเด็ดเดี่ยวอย่างเดียวก็จะสามารถกระทำสำเร็จได้ทุกเรื่อง แต่เมื่อหนิงเซวียนรับบาดเจ็บหนัก สัตว์เทวะ จูเชวี่ย ที่หลับไหลตื่นด้วยโกรธา เกิดไฟบรรลัยกัลป์ เผาเสวี่ยนซานของหนิงเซวียจนทลาย เกิดปาฏิหาริย์ก่อใหม่ ได้เฉินผีผีใช้ยาวิเศษรักษาให้คงสภาพ ชี่ไห่เสวี่ยนซานทะลวงพอที่จะฝึกฌาณ การที่หนิงเซวียแสดงความสามารถตอนสอบเข้าแต่ภายหลังเก็บตัว ทำให้ถูกท้าหลายครั้ง แต่ ข้าไม่ใช่บุปผาในเรือนเพาะชำ ไม่จำเป็นต้องมาทำเรื่องไร้สาระเพื่อพิสูจน์ความสามารถและความเก่งกาจของตัวเอง (ตรงนี้ จขบ. โดนมากเลย ^_^)

เรื่องที่ (อดีต) ขุนนางหลายคนตายปริศนาก็ถูกแม่ทัพใหญ่เจิ้นจวิน ซย่าโหว ที่เป็นสุดยอดฝีมือสังเกตและส่งคนเข้าเมืองหลวงมาสืบสวน (เรื่องเบื้องหลังคืออัครมเหสีต้าถัง ซย่าเทียน เคยเป็นนักปราชญ์พรรคมารที่แปรพักตร์ ซย่าโหวที่เป็นพี่ชายพยายามปกปิดไม่ให้ซีหลิงรู้ ขนาดฆ่าอนุภรรยาที่รักที่สุดแต่เป็นปราชญ์หญิงลัทธิมารเพื่อตบตา)

หนิงเชวียที่งำประกายก็ความแตกทั้งเรื่องลายมือที่ฮ่องเต้ตามหาและเป็นผู้มีโอกาสเป็นจอมยันต์เทวะที่นิกายเฮ่าเทียนฝ่ายใต้ต้องการมากเพราะต้องการทายาทสืบทอดการควบคุมค่ายกลสยบเทวะของเมืองฉางอาน (เฮ่าเทียนฝ่ายใต้เหมือนเป็นสาขาของซีหลิง แต่ความจริงขึ้นกับต้าถังมากกว่า) โดยการการสอบเข้าชั้นสองของสำนักศึกษา หนิงเชวียที่ชนะเต็งหนึ่งองค์ชาย หลงชิ่ง อัจฉริยะแห่งแคว้นเยี่ยนและรองหัวหน้าหน่วยพิพากษาของอาศรมเทพแห่งซีหลิงที่ถูกส่งมาเป็นตัวประกันที่ต้าถังแทนรัชทายาท หนิงเซวียกลายเป็นปลากระโดดข้ามประตูมังกร ได้เป็นศิษย์ชั้นสองเป็นคนที่สิบสาม เรียนวิชายันต์กับจอมยันต์เทวะ เหยียนเซ่อ (ศิษย์พี่ของราชครูต้าถัง หลี่ชิงซาน ผู้นำเฮ่าเทียนฝ่ายใต้) และยังเป็นนักเขียนลายอักษรคนโปรดของฮ่องเต้

ช่วงนี้จอมปราชญ์และศิษย์พี่ใหญ่ หลี่มั่นมั่น ออกท่องเที่ยว ศิษย์พี่รอง จวินโม่ เป็นคนดูแลสำนัก ส่วนอันดับสาม อวี๋เหลียน สาวชอบคัดอักษร, สี่ ฟั่นเยวี่ย ชำนาญเลขและลูกคิด, ห้า ซ่งเชียน เดินหมาก, หก ตีเหล็ก, เจ็ด มู่โย่ว ค่ายพลฝังเข็ม, แปด เดินหมาก, เก้า เป่ยกงเว่ยยาง เชี่ยวชาญพิณ, สิบ ซีเหมินปู้ฮั่ว เล่นขลุ่ย, สิบเอ็ด หวังฉือ เชี่ยวชาญบุปผาและสมุนไพร, สิบสองคือเฉินผีผี หนิงเซวียฝึกเพลงกระบี่สุดไพศาลที่กระบี่บินเป็นกระบี่เท้ายายเฒ่า เมื่อรวมกับเข็มบิน ดาบ ฯลฯ ก็ทำเอาศิษย์พี่ขวัญหนีดีฝ่อ (มีเทียบกับพลังเสี่ยวอวี่โจ้วหรือคอสโมในเซนต์เซย่าด้วยนะ) ส่วนการเรียนยันต์กับเหยียนเซ่อไปได้ดี สามารถมีชื่อขึ้นคัมภีร์เล่มตะวันของอารามจื่อโส่ว (รู้รักษ์) หนิงเซวียยังสามารถสร้างธนูยันต์ได้จากความช่วยเหลือของศิษย์พี่

เผ่าเป่ยฮวงอพยพลงใต้จากความยากแค้น รุกรานแผ่าจั่วจั้งที่ไล่ปล้นฆ่าแคว้นเยี่ยนต่อ สำนักซีหลิงออกประกาศให้แคว้นต่างๆ ช่วยด้วย โดยอาศรมเทพแห่งซีหลิงส่งทหารม้าศักดิ์สิทธิ์พิทักษ์นิกายและยอดฝีมือหน่วยพิพากษาเทียนอวี้ย่วนของซีหลิง ส่วนศาลากระบี่ของเทพกระบี่ หลิ่วไป๋ ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแผ่นดินของหนานจิ้น และ วัดเจดีย์ขาวที่มี ชวีนีหม่าตี้ เชษฐภคินีจักรพรรดิแห่งเยวี่ยหลุนก็ส่งศิษย์ออกมาด้วย สุดท้ายจักรพรรดิต้าถังให้ซย่าโหวออกรบและส่งนักเรียนสถานศึกษาที่ออกฝึกฝนนำโดยหนิงเชวียไปช่วยด้วย
[11/04/16, 18/05/16, 30/05/16, 18/07/16, 24/08/16, 24/09/16]
เหลียนเซิงต้าซือ - หลี่มั่นมั่น - ลู่เฉินจยา

ในภาคสอง 'ทะเลสาบอันหนาวเหน็บ' มีการเปิดเผยเพิ่มเติมว่าอาศรมเทพซีหลิงมีหัวหน้านิกาย สยงซูโม่ และต้าเสินกวน (จ้าวบัลลังก์) สามหน่วย คือ แสงสว่าง พิพากษา และโองการฟ้า ผู้ตั้งพรรคมารเป็นต้าเสินกวนหน่วยแสงสว่างที่ทรยศอาศรม และการฆ่าล้างบ้านของหนิงเซวียเกิดเพราะต้าเสินกวนหน่วยแสงสว่างคนปัจจุบัน เว่ยกวงหมิง เห็นความมืดจากทุ่งร้างมาที่ฉางอันและเห็นการเกิดบุตรของหมิงจวิน (ราชาแห่งความมืดหรือพญายมราช) จึงปลอมคำสั่งเจ้านิกายออกไล่ล่าโดยพลการจึงถูกขังไว้ในอาศรม แต่พอถึงตอนนี้ก็เห็นเงารัตติกาลอีก เลยแหกคุกออกไปจัดการเอง โดนระดับฝีมือคือหลี่ชิงซานยังทำอะไรไม่ได้ แต่เว่ยกวงหมิงก็โดนค่ายกลฉางอันทำให้ไม่เห็นอะไร ที่ได้คือรับซังซังเป็นศิษย์ ก่อนจะสู้กับเหยียนเซ่อจนตายทั้งคู่ (ทั้งสองคนเคยหรือเข้าสู่ขอบเขตของด่านเบิกนภา)

ส่วนหนิงเชวียที่ชายแดนก็ถูกปกปักอย่างดี จนปลอมตัวไปช่วยศิษย์สวนโม่ฉือแคว้นต้าเหอที่นำโดยผู้ใช้ยันต์ โม่ซันซัน ซึ่งมีเป็นหนึ่งในสามผู้งมงายแห่งปฐพีในฉายาผู้งมงายอักษร (อีกสองคนคือผู้งมงายยุทธ์ เยี่ยหงอวี๋ ที่เป็นหัวหน้าหน่วยพิพากษา กับ ผู้งมงายบุปผา ลู่เฉินจยา ที่เป็นองค์หญิงเยวี่ยหลุนและคนรักของหลงชิ่ง) เมื่อโม่ซันซันได้รับคำสั่งนำเสบียงไปส่งที่ราชสำนักจั่วจั้งเพื่อเริ่มเจรจา ระหว่างทางโดนทหารต้าถังของซย่าโหวปลอมตัวเป็นโจรขี่ม้าจู่โจมเพื่อฆ่าหนิงเซวีย ทหารม้าอาศรมเทพที่คุ้มกันชวีนีหม่าตี้และลู่เฉินจยาผ่านมาก็ไม่เข้าช่วย ทำให้หนิงเซวียลงมือฉีกหน้าชวีนีหม่าตี้ที่จั่วจั้ง

ผู้ฝึกฌาณชั้นสูงถูกส่งไปสอดแนมเผ่าเป่ยฮวง ซึ่งก็อาศัยโอกาสฝ่าด่านฌาณ แย่งชิงคัมภีร์สวรรค์ของพรรคมาร ที่สูงส่งมากอย่างเยี่ยซู (พี่ชายเยี่ยหงอวี๋) และถัง (ที่มีน้องสาว ถังเสี่ยวถัง) ก็แค่สังเกตการณ์ หนิงเซวียและโม่ซันซันเดินทางด้วยกัน หนิงเซวียเข้าสู่ด่านสู่พิศดารและทำร้ายหลงชิ่งขณะเกือบผ่านด่านรู้ชะตาจนไม่สามารถผ่านได้อีกเลย เมื่อเสียปณิธานก็เร่ร่อนเป็นขอทานโดยลู่เฉินจยาติดตามไป ทำให้เยี่ยหงอวี๋ที่ผ่านด่านรู้ชะตาแล้วตั้งใจจะฆ่า ระหว่างต่อสู้โม่ซันซันกลับเปิดประตูสำนักมารได้ก่อนเวลา ทำให้หนิงเซวีย โม่ซันซัน และเยี่ยหงออวี๋ได้เข้าไปในสำนักมารที่ถูกทำลายโดย เคอเฮ่าหราน ศิษย์น้องของจอมปราชญ์ที่ฝึกวิชากระบี่สุดไพศาลร่วมกับกำลังภายในสุดไพศาลที่เป็นแนวมารเพราะดูดพลังปฐมแห่งฟ้าดินเข้าในร่าง โดยหลังจากการตายของสตรีนางหนึ่ง เคอเฮ่าหรานได้บุกมาฆ่าล้างสำนักมารที่ก่อนหน้านั้นแอบส่งศิษย์ที่เป็นความหวังออกไป รวมถึงปราชญ์หญิงเป็นมเหสีแคว้นถังองค์ที่สองและพี่ชายที่เป็นแม่ทัพใหญ่

ในสำนักมารที่ทิ้งร้าง เคอเฮ่าหรานได้จองจำ เหลียนเซิงต้าซือ ที่เกิดในครอบครัวสายมาก เป็นสายลับจนขึ้นเป็นมหาเถระพิทักษ์กฏของนิกายพุทธและจ้าวบัลลังก์ต้าเสินกวนหน่วยพิพากษา ก่อนกลายเป็นปุโรหิตพรรคมารและสร้างวิชาเทพคือเต๋ามารเจอกัน เหลียนเซิงต้าซือต้องการร่างกายของพวกหนิงเซวียเพื่อหล่อเลี้ยงตนเองจนเกิดปะทะกัน เพื่อเอาตัวรอดเยี่ยหงอวี๋ต้องลดสู่ด่านสู่พิศดาร ส่วนหนิงเซวียนที่เรียนวิชาสุดไพศาลจากเจตนารมณ์กระบี่ก็เข้าสู่สายมารจนฆ่าเหลียนเซิงต้าซือได้ ทั้งสามคนเจอถังเสี่ยวถังและใช้ทางออกลับของพรรคมารหนีออกมาจากสำนักมาร แต่ก็ปะทะกับซย่าโหวจะชิงคัมภีร์สวรรค์ที่ทางออก แต่หนิงเซวียได้ศิษย์พี่ใหญ่ช่วยไว้ ภายหลังยังกดดันของซย่าโหวลาออกจากการเป็นขุนนางและแบ็คให้ตอนหนิงเซวียฆ่าที่ปรึกษาของซย่าโหว ทั้งนี้จอมปราชญ์ได้ศิษย์พี่ใหญ่มาดูแลหนิงเซวียนที่โชคชะตาให้เป็นทายาทของอาจารย์อาเคอเฮ่าหราน และแท้ที่จริงคัมภีร์สวรรค์อยู่ที่ศิษย์พี่ใหญ่มาตลอด (หนิงเซวียได้เปิดดูนิดหน่อย)

เมื่อกลับมาฉางอัน ซังซังก็ถูกแย่งชิงจากหลายฝ่าย (จขบ. ขอไว้อาลัยให้ขุนนางจิงเจ้าอิ่นที่เป็นเจ้าเมืองดูแลเมืองหลวงผู้มีอำนาจตามกฏหมายในการสอบสวนซังซังเพียงผู้เดียว) เรื่องมีความคลุมเครือมากขึ้นเมื่อฮูหยินของต้าเสวี่ยซื่อ (มหาราชบัณฑิต ขุนนางบุ๋นลำดับหลักขั้นหนึ่ง) เจิงจิ้ง (คนฝ่ายอัครมเหสี) พบว่าซังซังเป็นธิดาของตนที่หายตัวไปแต่เด็ก ความสัมพันธ์ระหว่างหนิงเซวียและโม่ซันซันที่เริ่มผลิบานก็หยุดเมื่อหนิงเซวียได้เข้าใจถึงความสำคัญของซังซัง ส่วนถังเสี่ยวถังได้เป็นศิษย์ของศิษย์พี่สาม

หนิงเซวียในฐานะเป็นตัวแทนสู่โลกิยะของสำนักศึกษาก็ต้องรับคำท้าจากศิษย์สำนักอื่นเช่น ศิษย์ก้นกุฏิของมหาเถระวัดลั่นเคอและหลวงจีนบำเพ็ญทุกรกิริยาจากวัดไป๋ถ่าในแคว้นเยวี่ยหลุน (วัดเลยถูกต้าถังแบน) แต่ก็เกิดเรื่องใหญ่เมื่อหนิงเซวียได้พบจอมปราชญ์ที่ลงโทษให้ไปอยู่บนถ้ำบนหน้าผาในสำนักศึกษาจนกว่าจะออกมาได้ (เคอเฮ่าหรานใช้เวลาสามปี) แต่ด้วยการแนะนำที่เหมาะสม หนิงเซวียออกได้ในสามเดือนโดยสามารถปรับกำลังภายในสุดไพศาลให้เหมือนพลังปฐมแห่งฟ้าและใช้ออกได้เหมือนวิชาเทพของซีหลิง เมื่อออกมาก็เจอคำท้าจากน้องชายของเทพกระบี่หลิ่วไป๋หนิงเซวียใช้ดาบที่ศิษย์พี่ตีรวมจากดาบเก่าสามเล่มโดยมีขนาดเท่าเดิมฟันจนตาบอด (จขบ. สงสัยว่าใช้เทคนิคอะไรทำให้ความหนาแน่นของโลหะเพิ่มได้สามเท่า)
[24/011/16, 05/01/17, 31/03/17, 26/09/17, 06/12/17, 08/02/18]

หนิงเซวียได้สืบทอดค่ายกลสยบเทวะ ไปซื้อบ้านริมทะเลสาบ เยี่ยหงอวี๋ที่ถูกคนในหน่วยพิพากษาทำร้ายย้ายมาอยู่ด้วยเพื่อฝึกเจตนารมณ์กระบี่ที่ได้จากหลิ่วไป๋ เยี่ยซูและซีเนี่ยนก็มาฉางอันเพื่อตรวจสอบหนิงเซวียที่สงสัยว่าเป็นบุตรของหมิงหวัง ในที่สุดซย่าโหวก็ถอดเกราะวางมือ หนิงเซวียท้าท้าประลองถึงตาย โดยมีเหล่าศิษย์พี่และหัวหน้าพรรคมาร จักจั่นยี่สิบสามวรรษ ที่หายตัวไปนานช่วยสะกดผู้ที่อยากหยุดการประลองหรือต้องการตรวจสอบเรื่องทายาทหมิงหวัง หลังจากสู้กันค่อนเล่ม หนิงเซียวก็ฆ่าซย่าโหวโดยอาศัยซังซังที่เป็นอาวุธแก่นฐานชีวิตเป็นไม้ตายสุดท้าย [จบเล่ม 17]
[04/06/18, 17/07/18]

[จบเล่ม 22]
[23/05/19]

หลังจอมปราชญ์ขึ้นสวรรค์ ผู้ที่อยู่สูงสุดคือเจ้าอารามจือโส่ว เฉินโหม่ว และเจ้าคณะฝ่ายเทศนาวัดเสวียนคง

หนิงเซวียที่ได้ดวงตาค่ายกลสยบเทวะต้องใช้เวลาราวเจ็ดวันเพื่อหาทางทำลายการอุดตันของลมหายใจแห่งฟ้าดินในค่ายกลที่จอมปราชญ์สร้างขึ้นเพื่อรักษาเมืองฉางอัน ศิษย์สำนักศึกษาจึงต้องหาทางถ่วงเวลา

ศิษย์พี่สามอวี๋เหลียนที่ตัวจริงคือจักจั้นยี่สิบสามวรรษ หลินอู้ ประมุขพรรคนิกายหมิง ได้จัดการเจ้านิกายอาศรมเทพจนมือขาดตาบอด ส่วนศิษย์พี่ใหญ่ล่อให้เจ้าอารามจือโส่วโดยใช้ด่านไร้ระยะเดินทาง ศิษย์พี่รองพาศิษย์น้องส่วนใหญ่ต้านกองทัพอาศรมเทพที่มาจากทางใต้ที่หุบเขาชิงสยา กองทัพอาศรมเทพนี้มีพลสองแสนและนำโดยเยี่ยหงอวี๋ ศิษย์พี่รองจัดการเยี่ยซูจนเป็นคนธรรมดาและปะทะหลิ่วไป๋จนต้อถอนตัวเพาะบาดเจ็บสาหัส หลังจากนั้นจวินโม่ที่แขนขาดก็ยังนำศิษย์น้องขวางหุบเขาเอาไว้ได้ เมื่อเจ้าอารามจือโส่วมาถึงฉางอัน ทั้งศิษย์พี่ใหญ่และสามก็เอาไม่อยู่ หนิงเซวียและโม่ซันซันซ่อมแซมค่ายกลสยบเทวะเสร็จไม่ทัน แต่ได้เอาชนะได้จากเพราะความไม่ยอมแพ้ของชาวถังและพลังแห่งโลกมนุษย์ ใจคนไปในทิศทางใด ฟ้าต้องคล้อยตาม หากฟ้าไม่คลอยตาม เช่นนั้นก็ทำลายมันเสีย

เมื่อทั้งฝ่ายถังและอาศรมเทพที่สะบักสะบอมหนักทั้งคู่ก็ตกลงเจรจา แต่มีตัวแปรใหม่คือ ปีศาจสุรา และ คนขายเนื้อ ที่เคยผ่านราตรีนิรันดร์มาแล้วและเป็นผู้อาวุโสที่จอมปราชญ์เคยถามข้อสงสัย ก็ถูกเฮ่าเทียบค้นพบ แต่เมื่อได้รับคำสัญญาจากเฮ่าเทียนว่าจะได้รับชีวิตนิรันดร์โดยรักษาจิตสำนึกของตนเองไว้ ทั้งสองก็เลือกรับใช้เฮ่าเทียน [จบเล่ม 29]
[13/09/19, 19/11/19]

[24/12/19]

ในภาพรวมคิดว่าสนุกใช้ได้เลยนะคะ จุดที่โดดเด่นที่สุดคือการดำเนินการทางการเมืองและหักเหลี่ยมเฉือนคนในด้านอื่นๆ ฉากต่อสู้จะออกแฟนตาซีกว่ากำลังภายในทั่วไป ด้านการแปลไม่มีปัญหา แต่คิดว่าถ้าจะต้องอธิบายคำอย่างในเล่มหนึ่งที่มีต้นจื่อติงเซียง (ไลแล็ก) ให้ทำเป็นเชิงอรรถท้ายหน้าจะดีกว่าวงเล็บชื่ออังกฤษไว้หลังคำในบทบรรยายนะคะ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าในเล่มสองก็เปลี่ยนไปใช้แบบนี้แล้ว มีเรื่องแปลกๆ ทางกายภาพอยู่บ้างแต่ก็พอทำใจว่าเรื่องเหนือธรรมชาติอยู่แล้วนะ -_-"

จุดหนึ่งที่สรุปได้คือพระเอกข้ามมิติ อาจเป็นการเกิดใหม่หรือวิญญาณเข้าร่างเด็ก เพราะมีบอกว่าเดิมเป็นนักเรียนดีเด่นของจีนแผ่นดินใหญ่ มีการอ้างถึงนักเลงสมัยใหม่ กิมย้ง ละคร โรงเรียนสอนทำอาหาร หอไอเฟล ดาวินชี เจี่ยนข่ายเล่อ ฯลฯ และไม่ว่าแดดออกหิมะตกก็ต้องเรียนวิชาทั้งวิทย์และศิลป์ ทำให้การสอบคำนวณเข้าสถานศึกษาไม่ยาก (ออกอนุกรมอนันต์) 555

ที่มา
[1] Mao Ni (มดแดง แปล). สยบฟ้าพิชิตปฐพี อรุณรุ่งที่ต้าถัง. สำนักพิมพ์เอ็นเธอร์บุ๊คส์, เล่ม 1-7, 216 + 216 + 224 + 224 + 208 + 224 + 216 หน้า, 2559.
[2] Mao Ni (มดแดง แปล). สยบฟ้าพิชิตปฐพี ทะเลสาบอันหนาวเหน็บ. สำนักพิมพ์เอ็นเธอร์บุ๊คส์, เล่ม 8-17, 264 + 264 + 256 + 248 + 248 + 256 + 248 + 240 + 248 + 250 หน้า, 2559-2561.
[3] Mao Ni (มดแดง แปล). สยบฟ้าพิชิตปฐพี ฤดูสารทอันวุ่นวาย. สำนักพิมพ์เอ็นเธอร์บุ๊คส์, เล่ม 18-22, หน้า, 2561-2562.
[4] Mao Ni (ซือเสียนทรงพล แปล). สยบฟ้าพิชิตปฐพี ม่านกาลที่คล้อยลง. สำนักพิมพ์เอ็นเธอร์บุ๊คส์, เล่ม 23-29, หน้า, 2562.
[5] Mao Ni (ซือเสียนทรงพล แปล). สยบฟ้าพิชิตปฐพี เจตจำนงแห่งเทพ. สำนักพิมพ์เอ็นเธอร์บุ๊คส์, เล่ม 30, หน้า, 2562.


รายการนิยายจีนแปลไทย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Spy×Family - Endo Tatsuya

ลำนำรักเทพสวรรค์ - ถงหัว

สืบลับฉบับคาโมโนะฮาชิ รอน - Amano Akira