ฟ้าส่งข้ามาลุย ภาคท่านหญิงหลีหยาง - เมิ่งซีสือ

เรื่อง ฟ้าส่งข้ามาลุย ภาคท่านหญิงหลีหยาง
โดย Meng Xi Shi แปลโดย ห้องสมุด


ท่านหญิงหลีหยาง หลี่เชี่ยน เป็นนัดดาองค์โปรดของเต้าอ๋อง หลี่หยวนชิ่ง โอรสสิบหกของถังเกาจู่ ได้ร่ำเรียนวิชาต่างๆ โดยเฉพาะเรียนเขียนอักษรกับ ซ่างกวนอี้ (ปู่ของ ซ่างกวนหวั่นเอ๋อ) จนมีชื่อว่าเป็นเลิศในด้านนี้ เมื่อโตขึ้นก็เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ ถังเกาจง และฮองเฮา อู่เจ๋อเทียน สมรสกับตระกูลชุยตอนสิบห้า หลังสามีตายเมื่อสิบแปดก็เลี้ยงหนุ่มน้อยน่ารักไว้หลายคน เป็นหญิงงามแห่งยุคผู้ใช้ชีวิตอย่างเบิกบานจนตายเมื่ออายุยี่สิบแปดปี

วิญญาณของหลี่เชี่ยนมายังสมัยปัจจุบันและเข้าร่างดาราสาว ซางอิ๋ง ที่กำลังแย่ ตั้งแต่เข้าวงการมาก็ได้แต่เล่นเป็นตัวประกอบ ก่อเรื่องไปจนใครต่อใครเอือมระอา ล่าสุดคือสร้างปัญหาแฟนหนุ่ม ลู่เหิง เปลี่ยนไปชอบดารางดัง เฉินชิ่น จนตามไปตบหน้าเป็นข่าวอี้อฉาว ขนาดผู้จัดการทั่วไป เจี่ยชุนหยง หรือ อาแซม ที่ดูแลให้เพราะแม่สองฝ่ายสนิทกันยังแทบจะถึงขั้นให้โอกาสสุดท้ายในการหางาน

ซางอิ๋งเวอร์ชั่นใหม่ย่อนสร้างความแปลกใจให้แก่คนรอบข้าง โดยเฉพาะความสามารถในการตีบทย้นยุคอย่างกระจุยด้วยออร่าที่น่าเกรงขามและสมกับยุคสมัยในซีรีา์ ทั้งการเป็นซ่างกวนหวั่นเอ๋อที่ทำเอาดารานำชายผู้แสดงบท หลี่หลงจี สามารถแสดงได้ดียิ่งขึ้น ทำให้เฉินชิ่นที่แสดงเป็น หยางกุ้ยเฟย พยายามตัดฉากออก แสดงในละคร 'ศึกชิงบัลลังก์ราชวงศ์ฮั่น' รับบทสนมซินของฮั่นเกาจู่ หลิวปัง ที่แสดงโดย โจวม่อไหว บท อูหลัน คนรับใช้ขอภรรยาตัวเอ๋อกุ่น 'ปีที่หกแห่งรัชสมัยเฉิงฮว่า' เรื่องฮ่องเต้ จูโหย่วถัง ที่โจวม่อไหวแสดงเป็นพระเอก ซางอิ๋งรับบทเป็นตัวร้าย ว่านกุ้ยเฟย เขียนบทละคร 'รัชสมัยเจินกวน' เกี่ยวกับถังไทจง หลี่ซื่อหมิน ที่ซางอิ๋งเกือบได้เป็นเว่ยกุ้ยเฟย
หนุ่มที่มาติดพันหลักมีสองคนคือโจวม่อไหว ดาราชายอันดับหนึ่งที่กำลังอยู่จุดสูงสุดด้วยอายุสามสิบปลาย ได้รับรางวัลมานับไม่ถ้วนและมีอิทธิพลมาก โจวม่อไหวมีพื้นฐานจากงิ้วและสนใจศิลปะภาพวาดยุคโบราณ โจวม่อไหวเริ่มสะดุดใจในฝีมือการแสดงและการเขียนอักษรของซางอิ๋ง จนแสดงตัวอยากใกล้ชิด สามารถจีบได้อย่างเหนือชั้น

หนุ่มอีกคนที่เข้ามาติดพันคืออดีตแฟนลู่เหิง หลานชายไม่เอาถ่านของมหาเศรษฐี ลู่หย่วนตง ในกั่งเฉิง (ประมาณฮ่องกง) พ่อที่เป็นลูกชายคุณนายสามและเคยเป็นความหวังของปู่ก็เสียชีวิตแล้ว ทำให้เครือญาติเตรียมแย่งชิงสมบัติ งานนี้ซางอิ๋งใช้ความรู้ด้านอักษรและวัตถุโบราณแก้แค้นญาติที่เคยหลอกลู่เหิงและหาของขวัญให้ปู่จนได้รับความไว้วางใจจากปู่ให้รับมรดกของพ่อที่รักษาไว้

ทั้งสองยังร่วมเปิดร้านอาหารธีมถังกับเพื่อนของลู่เหิงซึ่งล้วนแต่เป็นทายาทตระกูลใหญ่คือ ฟางรุ่ยชิว ทายาทธุรกิจเสื้อผ้าและอัญมณีืในกั่งเฉิง ฟางรุ่ยชิวร่วมมือกับพี่สาว ฟางรุ่ยเซี่ย สะกดลูกเมียน้อยของพ่อ, จางเจียหง ทายาทคนเดียวของธุรกิจการเงินในกั่งเฉิงที่เคารพซางอิ๋งเป็นพี่สาว และ เหอจื้อเหมี่ยน ลูกสาวมหาเศรษฐีขนส่งในอ้าวเฉิง (ประมาณมาเก๊า) ที่พบว่าพ่อแอบมีเมียลับและลูกชายอยู่ข้างนอก ทั้งยังมอบธุรกิจให้ลูกชาย
บุตรสาวของ ชิวจื้อจง ราชาธุรกิจค้าปลีกในไถเต่า (ประมาณได้หวัน)
ซางอิ๋งมีเป้าหมายชัดเจนว่าจะเล่นเฉพาะเรื่องย้อนยุคบทที่ได้ก็ดีขึ้นและได้รางวัลดาราประกอบในงานใหญ่เริ่มเขียนบทละครโดยเอาเรื่องในสมัยถังที่คุ้นเคยมาเป็นฉากจนดังเปรี้ยง ทั้งโจวม่อไหวและลู่เหิงก็แสดงตัวชัดเจน แต่รสนิยมของท่านหญิงหลีหยางคือหนุ่มน้อยกระต่ายขาวที่สามารถย่ำยีได้อย่างสนุกสนาน ...

จากใจบรรณาธิการของเล่มบอกว่าจัดนิยายที่พลิกจากการย้อนอดีตเป็นจากอดีตข้ามมาปัจจุบันจำนวนสี่เร่ื่องที่เนื้อหาไม่เกี่ยวกันเลยมาเป็นชุดฟ้าส่งข้ามาลุย โดยเรื่องนี้เป็นภาคแรก คือภาคท่านหญิง จะมีภาคนางมาร ภาคจอมยุทธ์ และภาคจักรพรรดินี ตามมา แต่จนถึงปัจจุบัน ก็เห็นออกแต่ภาคสอง ฟ้าส่งข้ามาลุย ภาคปีศาจผีผา ส่วนอีกสองภาคที่เหลือไม่ทราบชะตา คาดว่าจะถูกลอยแพไปแล้ว

ต้องบอกว่านิยายมาอนาคตที่ไม่ค่อยเจอเท่าไหร่ สนุกกับความสามารถในการจัดการคนของซางอิ๋งและโมเมนต์สะใจกับความเหนือชั้นเป็นหลักค่ะ แต่ความสามารถในการปรับตัวและหาข้อมูลในยุคหลังถังของท่านหญิงสูงส่งมากเกินไปถึงจะให้มีความจำของเดิมอยู่ด้วยก็ตาม มีความเวอร์ในการแสดงความสามารถเยอะมาก โดยเฉพาะในการวางแผน ก่อสร้าง การบริหารและความสำเร็จของร้านอาหาร (จขบ. ขอไว้อาลัยให้สถาปนิกและมัณฑนากร)

ที่ชอบมากที่สุดคือตอนเขียนบทละครที่บอกว่า สติปัญญาที่อ่อนด้อยของคู่ต่อสู้มีแต่สะท้อนให้เห็นว่าตัวเอกมีสติปัญญาอ่อนด้อย กับการ กับความฮาหลายรูปแบบเช่นการเปรียบเทียบ 'ลู่เหิงเป็นแมวเปอร์เซียที่ชอบพองขน จางเจียหงเป็นไซบีเรียนฮัสกี้ที่ชอบกระดิกหาง เหอจี้เหมี่ยนเป้นพูเดิลน่ารัก ส่วนโจวม่อไหวเป็นจิ้งจอกหิมะ'

ที่แปลกก็มีเยอะอย่างเช่นบอกว่าการตีกลีเหมือนกับการเล่นฮอกกี้บนหลังม้า ก็สงสัยว่าทำไมไม่บอกคล้ายเล่นโปโล นอกจากนั้นก็รู้สึกว่ามีการพาดพิงเรื่องไถเต่าที่ได้รับอิทธิพลจากญี่ปุ่นอย่างไม่จำเป็นนัก (ผู้แต่งต้องการแสดงความภักดีต่อจีนหรือ?) ที่บอกว่า
ในด้านการแปลบอกว่ามีผู้แปลร่วมสามคน แต่เป็นชื่อจีนเลยอ่านไม่ออกตามเคย ฝีมือตามมาตรฐานของห้องสมุดรุ่นใหม่คืออ่านรู้เรื่องแต่ตะหงิดๆ ว่าน่าจะสนุกกว่านี้ได้อีกเยอะ ส่วนหน้าปกไม่เกี่ยวกับเรื่องเท่าไหร่ สรุปคือตอนอ่านครั้งแรกก็อยากรู้เรื่องมาก แต่ไม่มีแรงดึงดูดใจให้ซ้ำเท่าไหร่ค่ะ
[25/01/18, 14/02/22]

ที่มา
[1] Meng Xi Shi (ห้องสมุด แปล). ฟ้าส่งข้ามาลุย ภาคท่านหญิงหลีหยาง. ห้องสมุดดอทคอม, 2 เล่มจบ, 385 + 384 หน้า, 2560.


รายการนิยายจีนแปลไทย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Spy×Family - Endo Tatsuya

ลำนำรักเทพสวรรค์ - ถงหัว

สืบลับฉบับคาโมโนะฮาชิ รอน - Amano Akira