เลือดพิทักษ์แผ่นดิน - ม่ออู่

เรื่อง เลือดพิทักษ์แผ่นดิน (Sha Xue)
แต่งโดย ม่ออู่ (Mo Wu) แปลโดย ธารยุทธ์



ตี๋หวิน และ ตี๋ชิง เป็นลูกชายคนรองของบัณฑิตธรรมดา เฉินถวน ผู้เคยเดินหมากกับฮ่องเต้ไท่จู่เคยทำนายให้แม่ว่าลูกจะเป็นเสนาบดี โดยแม่สั่งสอนลูกว่าว่าไม่ให้เป็นทหาร ซึ่งก็ไม่แปลกในยุคนั้นที่คนไม่อยากเป็นทหารมากจนทหารจะถูกสักหน้าไม่ให้หนี ตี๋ชิงมีโอกาสได้เรียนหนังสือบ้างและฝึกวิชาบู๊อยู่ท่าสองท่าแต่พละกำลังดี หลังพ่อแม่เสียชีวิต พี่น้องก็รักใคร่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาตลอด ตี๋หวินกำลังจะไปสู่ขอคนรักแต่ถูกบุตรชายนายอำเภอซีเหอทุบตีขาหักเพื่อแย่งไปเป็นอนุ ตี๋ชิงก็อาละวาดจนเกือบแย่ ที่รอดเพราะยอมเข้าหน่วยทหารส่วนพระองค์

อดีตผู้บัญชาการหน้าบัลลังก์ กัวจุน เป็นหนึ่งในสามผู้บัญชาการดูแลทหารส่วนพระองค์ ปกครองหน่วยเซียวอู่ (องอาจแกร่งกล้า)ในหน่วยทหารส่วนพระองค์ทั้งแปดที่ขึ้นตรงต่อฮ่องเต้ มีหน้าที่อารักขา ประจำในเมืองหลวงและกระจายไปปฏิบัติหน้าที่ทั่วแผ่นดิน ในอดีตเคยพลาดหวังในรัก (ในเรื่องมีข้อบ่งชี้ว่าอาจเป็นแม่ของตี๋ชิง) จนกระทำเรื่องขัดมโนธรรม ทำให้รู้สึกผิดมาตลอด คราวนี้กัวจุนอาศัยการรับสมัครทหารส่วนพระองค์ที่เฝินโจวมาอำเภอซีเหอเพื่อตามจับสาวกนิกายพระศรีอาริย์

ระหว่างเดินทางกลับ กัวจุนได้พาคนจำนวนปลอมเข้าไปในการชุมนุมของนิกายพระศรีอาริย์ที่แอ่งมังกรบิน งานนี้มีระดับหัวหน้าปรากฏตัวคือเจ้านิกายและท้าวจตุโลกบาล ระหว่างความวุ่นวานก็สามารถฆ่าจตุโลกบาลไปสามจากการร่วมมือกับมือปราบ เยี่ยจือชิว ฉายาอิเยี่ยจือชิว (หนึ่งใบไม้ทราบฤดูสารท เป็นสำนวนแปลว่าอาศัยร่องรอยเล็กน้อย สามารถคาดการณ์ได้ถึงเหตุการณ์หรือบทสรุปที่จะเกิดขึ้น) ทว่าตี๋ชิงถูกเข็มยิงเข้ากลางหน้าผากและเอาออกไม่ได้ ผลกระทบคือทำให้ตี๋ชิงออกกำลังหนักไม่ได้เพราะจะเจ็บมากและเป็นลม

ผ่านไปกว่าหกปี ตี๋ชิงอาศัยที่จวนกัวจุน ที่นอกจากเจ้าของก็มีน้องชายที่เรียนหนังสือเท่านั้น (จขบ. สงสัยว่าไม่มีสาวใช้เลยหรือ ทำไมต้องทำงานบ้านกันเอง) แต่ด้านการทำงานกลับตันที่ตำแหน่งสือเจี้ยงเพราะสอบเลื่อนขั้นไม่ได้ เมื่อตี๋ชิงไปเที่ยววัดต้าเซี่ยงกั๋วที่เป็นพระอารามหลวงและเห็นท้าวเวสสุวัณ เลยแอบในวัดใต้โต๊ะบูชาในวิหารท้าวโลกบาล พอตกดึกท้าวเวสสุวัณมาทำลายรูปปั้นพระศรีอาริย์และหยิบวัตถุกลมสีดำมีคำว่าเบญจมังกรเป็นอักษรจ้วนอยู่แต่พอดีเยี่ยจือชิวมาท้าวเวสสุวัณเลยทำตกไว้ ตี๋ชิงเก็บได้และเริ่มฝันเห็นมังกรสีแดงและทอง ตี๋ชิงเริ่มมองหาความก้าวหน้าเมื่อเริ่มรู้จักความรักคือ หยางอวี่ฉาง (แปลว่าอาภรณ์ขนนก) ธิดาบุญธรรมของพ่อค้าใบชา

ตี๋ชิงได้รู้จักกับคุณชายซึ่งก็คือฮ่องเต้ จ้าวเจิน หนีเที่ยวตามธรรมเนียม พากันไปเที่ยวหอคณิกาเพลงไผ่ เมื่อเกิดเรื่องขัดแย้งจนทำร้ายคุณชายที่เป็นพระญาติฮองไทเฮา ตี๋ชิงจึงเข้าคุกไปครึ่งปี เมื่อออกมาก็พบว่าถูกม้วนเข้าสู่การแย่งชิงในวัง ในรัชกาลที่แล้วเจินจงฮ่องเต้ เจ้าเหิง เลื่อมใสภูตเทพและฝึกวิชาพรตเพื่อเป็นเซียนจนไม่สนใจราชกิจ ตอนนี้ผู้ว่าราชการแทนคือไทเฮา หลิวเอ๋อร์ ที่จัดการได้ดี บารมีสูงส่งจนมีคนสงสัยว่าจะขึ้นครองราชย์เอง ทว่าหลิวไทเฮายังมีปมเรื่องที่เคยต่ำต้อยก่อนเป็นสนมและเรื่องพระสุสานหลวงหย่งติ้งของเจินจงฮ่องเต้ที่จนทำให้เอาเบญจมังกรออกจากสุสานมาซ่อนที่วัดต้าเซี่ยงกั๋ว เมื่อทูตจากถู่ฟานมาทวงเบญจมังกรและของหาย หลิวไทเฮาจึงสั่งเยี่ยจือชิวให้สืบและปิดปากทุกคนที่รู้เรื่อง

จ้าวเจินให้ตี๋ชิงเข้าเป็นทหารองครักษ์วังหลวงส่วนพระองค์โดยได้กัวจุนช่วยเลือกทหารให้ ด้วยความสงสัยจ้าวเจินเข้าพระสุสานหลวงหย่งติ้งหลังปะทะกับนิกายพระศรีอาริย์อีก ทำให้พบพระมารดาที่แท้จริงคือ หลี่ซุ่นหรง ที่ทำหน้าที่เฝ้าพระสุสาน และเห็นพระศพเจินจงฮ่องเต้ที่เหมือนเพิ่งตาย ส่วนตี๋ชิงได้ได้ตำราดาบกวาดพิชิตของ หลี่ฉุนเสี้ยว ที่แม่ทัพปลายราชวงศ์ถัง เมื่อจ้าวเจินกลับเมืองหลวงก็เจอกบฏเฉิงกั๋วกง เจ้าอวิ่นเซิง ผู้เป็นหลานคนโปรดของหลิวไทเฮาควบเจ้านิกายพระศรีอาริย์ ผลคือเจินจงสามารถยึดอำนาจจากไทเฮาได้

หยางอวี่ฉางเสียชีวิตระหว่างการต่อสู้ เมื่อความแตกว่าหยางอวี่ฉางเป็นธิดาลับของอ๋องแปด เจ้าหยวนเหยี่ยน โอรสของฮ่องเต้ไท่จงที่เป็นขุนนางสำคัญสามรัชกาลและมีอำนาจมาก อ๋องแปดจึงขอหลิวไทเฮาผู้เป็นมารดาให้เอาหยางอวี่ฉางใส่โลงพิเศษและเก็บในพระสุสานหย่งติ้งเพื่อรักษาร่างและตี๋ชิงตามหาซัมบาลาเพื่อคืนชีพ


เมื่อเกิดความไม่สงบแถวเมืองเอี๋ยนโจวที่ชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือซึ่งเกิดจากซีผิงอ๋องชาวตั่งเซี่ยง จ้าวเต๋อหมิง กับ บุตรชาย จ้าวหยวนฮ่าว ที่ได้รับพระราชทานแซ่จากฮ่องเต้ เหล่านายทหารองครักษ์ที่ทำท่าจะรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้มากไปจึงอาสาไปเฝ้ารักษา ตี๋ชิงก็ไปด้วยเพราะคำทำนายเรื่องซัมบาลาของ เส้ายง (ศิษย์หลานเฉินกวน) หลังเตร็ดเตร่อยู่หนึ่งปี ตี๋ชิงก็ได้เป็นผู้บัญชาการค่ายซินไจ้หลังผู้บัญชาการคนก่อนถูกสังหาร ได้กุนซือไม่เป็นทางการ ฉงซื่อเหิง ซึ่งเป็นอดีตขุนนางที่ต้องโทษ ตอนนี้ค้าขายผิดกฏหมาย เมื่อจัดการเรียบร้อยก็พอดีหยวนฮ่าวบุก ตี๋ชิงที่เวลารบต้องสวมหน้ากากเพราะหางตากระตุกเวลาใช้กำลังก็นำทหารสองร้อยกว่าไปเป็นกองหนุนและแสดงความโดดเด่นชัดเจน

ตี๋ชิงถูกฮ่องเต้เรียกกลับเมืองหลวง ระหว่างทางได้ช่วยขุนนางเตี้นจงเฉิง (ขุนนางชั้นเจ็ด มีหน้าที่จัดการกิจการภายในราชสำนักและตรวจสอบขุนนาง) เปาเจิ่ง นามรองซีเหริน (เปาบุ้นจิ้น) ที่ถูกนักฆ่าของขุนนางกังฉินไล่ล่า ฮ่องเต้ที่รู้เรื่องจึงช่วยส่งเสริมต่อ หลังการสิ้นพระชนม์ของพระมารดาทั้งหลิวไทเฮาและหลี่ซุ่นหรงที่ถูกตั้งเป็นเฉินเฟย ตี๋ชิงก็ขอกลับไปชายแดนอีก โดยได้เป็นผู้บัญชาทหารเมืองชิงเจี้ยนซึ่งฉงซื่อเหิงดูแลจนเข้มแข็งทันการบุกของหยวนฮ่าวอีก คราวนี้แนวป้องกันสำคัญแตก กัวจุนตายในศึกที่ซันชวนโข่ว ส่วนตี๋ชิงที่บาดเจ็บหนักได้หลานสาวช่างตีเหล็กลึกลับ เฟยเสวี่ย พาไปเพื่อรักษาชีวิตแต่เจอพายุจนตี๋ชิงได้รู้จักกับ เฟยอิง ที่บอกว่าต้องการแก้แค้นให้กัวจุน

ตี๋ชิงจึงไปเมืองหลวงซิงชิ่งและเป็นมือสังหารคนหนึ่งในการชิงอำนาจระหว่างหยวนฮ่าวและขุนพล ก่อหนี้รักกับองค์หญิง ตันตัน น้องสาวของหยวนฮ่าว พบว่าซัมบาลาซึ่งอยู่ในเขตปกครองของหยวนฮ่าว การไปซัมบาลาต้องหาเตรอมาหรือคนที่มีพระธรรมคัมภีร์ในสมอง เมื่อโอกาสและสภาวะพร้อม ความจำก็จะถูกปลดปล่อยออกมาให้ชาวโลก

ถึงตี๋ชิงสังหารหยวนฮ่าวไม่สำเร็จก็มีชื่อโด่งดัง เมื่อกลับมาต้าซ่งก็ทำงานภายใต้ ฟ่านจ้งเยียน รองผู้บัญชาการมณฑลทหารส่านซีควบเจ้าเมืองเอี๋ยนโจว ได้เลื่อนหลายขั้นเป็นแม่ทัพจงตูเขตฟูเอี๋ยน ร่วมกับฉงซื่อเหิงสร้างทัพพิเศษที่ถึงมีจำนวนไม่มากก็มีความสามารถพิเศษหลายหน่วย สร้างผลงานป้องกันเมือง ก่อกวนบุกตีเมือง ไม่นานหยวนฮ่าวที่สถาปนาตนเองเป็นฮ่องเต้แคว้นเซี่ยก็ผงาดขึ้นมาชิงอำนาจกับต้าซ่งกับชี่ตันด้วยการบุกเขตจิงหยวน ชนะแม่ทัพ เริ่นฝู ที่เป็นคนของ หานฉี รองผู้บัญชาการมณฑลทหารส่านซีอีกคนซึ่งนิสัยเย่อหยิ่งบุ่มบ่าม แต่ก็เจอตี๋ชิงรังควานถึงใกล้เมืองหลวง

เมื่อตี๋ชิงได้เป็นรองผู้บัญชาการพื้นที่จิงหยวนก็ใช้เวลาครึ่งปีเตรียมตัว เมื่อลงมือชนะสิบเอ็ดศึกในสามวันระยะทางร้อยกว่าลี้ จากค่ายอันหย่วนเมืองฉินโจวถึงซันชวนโข่ว ทั้งยังเสนอให้ราชสำนักร่วมมือกับถู่ฟานกระหนาบซีเซี่ย การเดินทางไปถู่ฟานได้เรื่องซัมบาลาเพิ่มเติมแต่เจราจาร่วมมือไม่สำเร็จเพราะซีเซี่ยของสงบศึก ฮ่องเต้สับเปลี่ยนทหารกลับเมืองหลวงและให้ฟ่านจ้งเยียนเป็นหัวหอกปฏิรูประบบราชการ ทำให้ตี๋ชิงถูกลากเข้าไปเป็นเป้า

หลังจากปัญหาในเมืองหลวงที่ได้เป่าเจิงช่วยจนสงบ ตี๋ชิงก็ตามคณะไปเจรจากับราชาแห่งชี่ตัน เยลี่จงเจิน ที่กำลังแย่งชิงอำนาจกับไทเฮา ตี๋ชิงที่มีส่วนในการปะทะก็ยิ่งปลงกับผลเจรจาที่ราชสำนักต้องการรักษาหน้าและการถูกส่งไปเป็นผู้บัญชาการทหารเผิงรื่อ เทียอู่ซื่อเซียง ที่ถึงเป็นตำแหน่งระดับซันเว่ยซึ่งเป็นรองเทียงสองทำเนียบ ประจำเมืองเจิ้นติ้งของเหอเป่ยแต่เป็นการเปิดทางให้ซีเซี่ย

ไม่นานหยวนฮ่าวก็ฉีกสัญญาบุกลงใต้โดยใช้ทหารม้าแสนกว่า ทะลวงผ่านกวนจงกว่าหกร้อยลี้จนถึงเว่ยโจวใหล้ฉางอาน โดยล้อมเมืองซี่เยาที่ฉงซื่อเหิงดูแลอยู่ ตี๋ชิงที่ไปช่วยถึงกู้สถานการณ์ทางทหารได้แต่เจอหลุมพรางถูกจับไปซิงชิ่ง พบเด็กแซ่กู่อำเภอหลิงสือที่เป็นเป็นกูซือหลัว พุทธบุตรแห่งถูฟาน ผ่านเมืองเหลียงโจว ด่านอวี้เหมิน เขตฉางเล่อเมืองกวาโจว ภูเขาซานเหวย ตุนหวง ซาโจว ฯลฯ ที่นำไปสู่การเฉลยความลับ ซัมบาลา และอดีตชาติ ...

ในคำนำบอกว่าชื่อภาษาจีนแปลว่าการดื่มเลือดสาบานร่วมเป็นพันธมิตร เป็นเรื่องของขุนพลสมัยราชวงศ์ซ่งที่เทิดทูนบุ๋นสะกดบู๊ตี๋ชิงซึ่งคนไทยรู้จักในชื่อเต็กเช็ง สำหรับ จขบ. ที่โผล่มาในสมองคือหนังสือเปาบุ้นจิ้นที่บอกว่าตอนส่งดาวบุ๋นบู๊ลงมาเกิด ดาวบู๊มีเคราะห์ สวรรค์เลยให้เปลี่ยนหัวกับดาวบุ๋น ให้ดาวบู๊เต็กเช็งเป็นหนุ่มหล่อจะได้มีคนอุปถัมภ์ ท่านเปาเลยกลายเป็นหน้าตาดูไม่ได้ 555 อ้อ ชื่อและฉายาของเยี่ยจือชิวทำเอาฮาเพราะแทบเหมือนกับของพระเอกในเรื่อง 'เทพยุทธ์เซียน Glory' ที่ให้เขียนอักษรผิด

เนื้อเรื่องเกี่ยวกับการเติบโตก้าวหน้าของตัวละครที่ค่อนข้างตรงไปตรงมาแบบหา มีปมหักมุมในเชิงการเมืองอยู่บ้าง แต๋การดำเนินเรื่องบางช่วงไม่สามารถเห็นบุคลิกลักษณะได้ชัดเจน การวางแผนกบฎของจ้าวอวิ่นเซิงที่ดูไร้ชั้นเชิงหรือความภูมิฐาน แถมตี๋ชิงก็ไม่ได้สำคัญขนาดต้องไปจับคนรักมาเป็นตัวประกันอีก ตอนลอบฆ่าหยวนเฮ่าที่ซับซ้อนไม่น้อยก็ดูไม่น่าเชื่อถือในหลายจุด แต่พอถึงช่วงฟ่านจ้งเยียนปฏิรูปราชสำนักซ่งก็ทำได้อินกับการประจบประแจงและปรารถนาดีที่มองไม่ลึกพอ ทำให้ดูดีขึ้นเยอะค่ะ

การผสมผสานระหว่างเรื่องกำลังภายในและเหนือธรรมชาติ ยังรู้สึกว่ายังไม่ลื่นไหลนัก ความน่าเชื่อถือยังไม่หนักแน่น หลายช่วงเหมือนขาดความเป็นตัวของตัวเองเท่าที่ควร อย่างตอนเข้าพระสุสานที่ทำให้สงสัยว่าหลงไปเรื่อง 'บันทึกจอมโจรแห่งสุสาน' หรือเปล่า ในด้านการจัดทัพและการรบก็ดูแปลก อย่างตอนตี๋ชิงจะสามารถเอ้อระเหยออกไปเดินเล่นในเมืองหลวงศัตรู ประกาศตัว ฆ่าคน และหนีออกไปแบบชิลด์ๆ ในเรื่องความพลุ่งพล่านของฉากสงคราม ตอนแรก จขบ. รู้สึกว่ายังไม่เด่นนักแต่ก็ดีขึ้นภายหลัง

ที่ฉากสงครามไม่อินมากเพราะมองภาพรวมไม่ออก ถ้ามีแผนที่ให้ก็คงมองภาพออกมากขึ้น แต่เมื่อไม่มีให้ และมีความสงสัยหนักมาก เลยพยายามหาแผนที่มาดูแล้วเทียบเอาเอง ซึ่งก็ไม่ง่ายเพราะอ่านภาษาจีนไม่ออก ต้องหาข้อมูลอังกฤษ สุดท้ายได้แผนที่มาจากชุดหนังสือประวัติศาสตร์จีนของเคมบริดจ์ [2] ที่มีการสะกดแบบ Wade–Giles ไม่ใช้แบบพินอินที่ระยะหลังชักจะชินเพราะเจอบ่อยอีก เอาเป็นว่าเทียบแทบแย่เหมือนกัน น่าจะมีผิดอยู่บ้าง ถ้ามีข้อมูลหรือความเห็นเพิ่มจะขอบคุณมากค่ะ

Based on a map in The Cambridge History of China

ในภาพรวมคือเหมือนจะพยายามกระชากอารมณ์ทำดราม่าที่บางครั้งรู้สึกเหมือนจะเลื่อนลอย เช่นตอนตี๋ชิงระลึกถึงหยางอวี่ฉาง โดยเรื่องซัมบาลาเหมือนทำให้เป็นวาดงูเติมขา คือกลายเป็นจุดที่ถ่วงการเดินเรื่องมากกว่า มีฉากเอาความสะใจแบบกดข่มพอสมควร (ไม่น่าแปลกใจเพราะธีมนี้มาแรงมากในเรื่อง 'เทพบุตรเดินเดิน' ของผู้แต่งเดียวกัน)

สรุปได้ว่าเป็นเรื่องที่มีการอิงและดัดแปลงจากประวัติศาสตร์ ที่ทำให้สงสัยจนต้องไปหาข้อมูลจริงมาเทียบ [2] ถือว่าทำให้ได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะมาก สำหรับนิยายช่วงแรกอ่านได้สนุกขึ้นเรื่อยๆ จขบ. ว่าพีคสุดตรงสงครามกับหยวนฮ่าว ต่อมาแผ่วช่วงกลางที่เหตุการณ์ชักมึนงง และตอนจบกลายเป็นการหักมุมแบบคาดไม่ถึง จากกำลังภายในเหนือธรรมชาติ กลายเป็นนิยายไซไฟแบบมนุษย์ต่างดาวมาโลกไปเฉย ทำเอาตอนอ่านแทบกระอักเลือดและรู้สึกเสียดายแทนโครงเรื่องที่ดูดีเป็นส่วนใหญ่ค่ะ
[30/11/17, 18/12/17, 26/01/18, 18/02/18, 05/05/18, 25/06/18, 31/08/21]

ที่มา
[1] ม่ออู่ (ธารยุทธ์ แปล). เลือดพิทักษ์แผ่นดิน. สยามอินเตอร์บุ๊คส์, 8 เล่มจบ, 392 + 376 + 352 + 384 + 392 + 384 + 352 + 376 หน้า, 2560-2561.
[2] Denis Twitchett & John K. Fairbank (eds). The Cambridge History of China, Volume 5 Part One: The Sung Dynasty and Its Precursors, 907–1279. Cambridge University Press, 1095 pages , 2009.


รายการนิยายจีนแปลไทย, ไทม์ไลน์หนังสืออิงประวัติศาสตร์/ย้อนยุค จีน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Spy×Family - Endo Tatsuya

ลำนำรักเทพสวรรค์ - ถงหัว

สืบลับฉบับคาโมโนะฮาชิ รอน - Amano Akira