พราวพร่างบุปผาตระการ - จือจือ

เรื่อง พราวพร่างบุปผาตระการ (Hua Kai Jin Xiu)
โดย จือจือ (Zi Zi) แปลโดย Honey Toast



ตระกูลฟู่แห่งเมืองหวาอินในส่านซีเป็นตระกูลบัณฑิตที่พอมีขุนนางอยู่บ้าง แต่ที่มีชื่อคือธิดาที่งดงามเป็นกุลสตรี เป็นที่หมายปองจนตระกูลฟู่ใช้การแต่งงานธิดาเป็นการหาเขยที่สามารถช่วยเหลือค้ำชูได้ ในรุ่นนี้ตระกูลฟู่มีท่านย่าที่มีบุตรชายหลายคน นายท่านใหญ่เป็นผู้ช่วยเสนาบดีกองชลประธานแต่ภายหลังติดร่างแหเมื่อทำนบกั้นแม่น้ำหวงเหอแตกจนถูกปลด ส่วนนายท่านห้าเป็นอาจารย์ในสำนักราชบัณฑิต คุณหนูเก้า ฟู่ถิงจวิน เป็นธิดาของนายท่านห้าและฮูหยินสกุลเซี่ย ตั้งแต่เด็กเธอถูกอบรมอย่างระมัดระวัง ติดตามมารดาจัดการดูแลคฤหาสน์ ศึกษาหาความรู้และฝึกฝนทักษะที่กุลสตรีควรมีเพื่อเตรียมออกเรียนกับ อวี๋จิ้งซิว บุตรชายของข้าหลวงตรวจการฝ่ายซ้าย อวี๋กั๋วเหลียงที่มีหน้าที่ตรวจสอบขุนนางในราชสำนัก ทั้งยังเป็นหลานชายโทนของตระกูลขุนนางหนานจิงที่มีวงศ์ตระกูลสูงศักดิ์ลำดับต้นๆ ของเจียงหนาน สรุปสั้นๆ คือเป็นคู่ครองชั้นเลิศหาตัวจับยากชนิดที่เมื่อตระกูลอวี๋มาสู่ขอท่านย่าก็รับคำทันที

จั่วจวิ้นเจี๋ย เป็นน้องชายสืบตระกูลคนเดียวของหลานสะใภ้ใหญ่ที่แต่งเข้ากับป้ายวิญญาณคุณชายใหญ่ เนื่องจากจั่วซื่อเป็นที่นับถือมาก เมื่อจั่วจวิ้นเจี๋ยที่สิ้นไร้ไม้ตอกมาขออาศัยจึงได้รับการดูแลอย่างดี ตระกูลฟู่ยังหวังว่าจั่วจวิ้นเจี๋ยจะสามารถสอบขุนนางได้ตำแหน่งเป็นกำลังให้ด้วย หลังจั่วจวิ้นเจี๋ยก็สามารถสอบซิ่วไฉเมื่ออายุยี่สิบเจ็ด ก็สนใจอยากแต่งกับคุณหนูตระกูลฟู่ แต่ความสามารถยังไม่เป็นที่น่าพอใจสำหรับคุณหนูสามธิดาภรรยาเอกและมีสินเดิมมาก เมื่อถูกเสนอคุณหนูรองธิดาอนุที่ไม่มีสินเดิม จั่วจวิ้นเจี๋ยก็ไม่ต้องการ ทั้งยังทำให้คุณหนูรองเสียโอกาสที่จะแต่งกับขุนนางที่ถึงอายุมากแต่มีอำนาจทรัพย์สินบริบูรณ์ เรื่องนี้ทำให้จั่วจวิ้นเจี๋ยระหองระแหงกับตระกูลฟู่และแยกตัวออกไปอาศัยที่อื่น เมื่อจั่วจวิ้นเจี๋ยสอบระดับมณฑลได้เป็นจวี่เหรินเมื่ออายุยี่สิบสาม ก็คู่แต่งงานกับตระกูลฟู่อีก

จั่วจวิ้นเจี๋ยมาพบนายหญิงห้าเพื่อขอวิวาห์กับฟู่ถิงจวินโดยนำของใช้ส่วนตังมาเป็นหลักฐาน ถึงนายหญิงห้าจะเชื่อว่าธิดาตนถูกใส่ร้าย แต่ก็ต้องไม่ให้มีข่าวลือเสียหายออกไปได้ ตระกูลฟู่ส่งฟู่ถิงจวินไปพักที่อารามปี้อวิ๋นนอกเมืองไปสิบห้าลี้ ในขณะที่นายท่านใหญ่จะออกหน้ากับจั่วจวิ้นเจี๋ย แต่เมื่อเวลาผ่านไป ฟู่ถิงจวินก็ถูกกักตัว ไม่สามารถติดต่อกับมารดาได้ ฟู่ถิงจวินพยายามส่งสาวใช้ออกไปแต่ไม่สำเร็จ กลับเจอบุคคลลึกลับที่ถูกเรียกว่า ท่านเก้า ที่มีวิทยายุทธสูงส่งและท่าทางเหมือนมหาโจร บุกเข้าอารามเพื่อหาของกินและยาให้พวกพ้อง ตอนแรกยังทำร้ายจั่วจวิ้นเจี๋ยไปบ้าง แต่ภายหลังก็สามารถตกลงแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันได้ ฟู่ถิงจวินให้ท่านเก้าไปติดต่อมารดาซึ่งก็ถูกกักขังเช่นกัน มารดาจึงขอร้องให้ท่านเก้าพาลูกสาวหนีไปหาน้าชายตระกูลเซี่ยเมืองเฟิงหยวนที่เป็นซิ่วไฉ ทั้งยังได้มอบทรัพย์สินที่เก็บซ่อนให้ด้วยเป็นความหวังสุดท้ายของลูกสาว ถึงตอนนี้ตระกูลฟู่ที่ด้วยเหตุผลบางอย่างตัดสินใจประกาศว่าฟู่ถิงจวินป่วยตายเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องเสื่อมเสีย และกำจัดจั่วจวิ้นเจี๋ยโดยกล่าวหาว่าลวนลามอนุตระกูลฟู่จนนางฆ่าตัวตาย ส่วนตัวฟู่ถิงจวินก็จะถูกกรอกยาพิษให้ตายไปจริงๆ โชคดีที่ท่านเก้ากลับมาทันและช่วยไว้ได้

ท่านเก้าได้แบ่งคนเป็นขบวนแยกกันไปเมืองซีอาน โดยตัวเองพาฟู่ถิงจวินและเด็กรับใช้ อาเซิน ใช้เส้นทางที่ผ่านไปทางเฟิงหยวน พอดีเกิดแห้งแล้งจัดเก็บเกี่ยวไม่ได้ ชาวบ้านอพยพย้ายถิ่นเร่ร่อนเพื่อเอาชีวิตรอด ระหว่างทางก็ปล้นฆ่าชิงทรัพย์และอาหาร ทำให้การเดินทางไปลำบากมาก เมื่อไปใกล้ถึงเฟิงหยวนก็ได้ข่าวว่าเซี่ยซิ่วไฉที่แจกอาหารและให้ที่พักผู้ประสบภัยถูกคนเร่ร่อนปล้นวางเพลิงฆ่าล้างบ้าน ทำให้ฟู่ถิงจวินเข้าใจถึงคำว่า ยามยากพึงรักษาคุณความดีแห่งตน ยามมีเพียรทำคุณประโยชน์ต่อผู้คน ท่านเก้าตัดสินใจพาฟู่ถิงจวินไปซีอานเพื่อให้หาทางติดต่อมารดา

ระหว่างทางท่านเก้าเจอศัตรูจนเจ็บหนัก โชคดีที่ได้พบ ท่านสิบหก ที่น่าสงสัยว่าจะเกี่ยวกับท่านอ๋องที่เป็นเจ้าผู้ครองเขตใกล้เคียง ซึ่งตามกฏแล้วห้ามออกนอกเขต ทางนั้นก็สงสัยท่านเก้าที่ตอนนี้บอกชื่อว่า จ้าวหลิง ที่มาจากตระกูลดีแต่เป็นสายรอง หลังพ่อที่เป็นขุนนางตายตอนหกขวบก็ถูกตระกูลจ้าวสายหลักข่มเหง แม่ถูกบีบให้ฆ่าตัวตาย ตัวจ้าวหลิงตกระกำลำบาก สุดท้ายเป็นคนค้าเกลือเถื่อน ถึงจ้าวหลิงจะให้ฟู่ถิงจวินเป็นคู่หมั้นเพื่อให้ดูไม่แปลก แต่ความสามารถของจ้าวหลิงก็โดดเด่นพอที่ท่านสิบหกจะให้เทียบแนะนำตัวเพื่ออยากเป็นทหาร และให้ผู้ช่วย โม่อี้ ที่เป็นถึงแม่ทัพโหยวจีมณฑลกานซู่นำคนพาพาไปรักษาตัวที่ตำบลหลินชุน ซึ่งฟู่ถิงจวินได้ช่วยครอบครัวของ เจิ้งซาน ภรรยาและลูกชายแบเบาะจนเป็นคนที่ภักดีกับฟู่ถิงจวิน ก่อนทั้งหมดจะเข้าเมืองซีอาน ด้วยความระแวงของทางโม่อี้ จ้าวหลิงและพวกจึงเข้าสมัครเป็นทหาร ซึ่งก็ทำให้สามารถล้างประวัติให้ขาวสะอาด และถูกส่งไปเป็นนายทหารชั้นผู้น้อยที่กานซู่ซึ่งมี อิ่งชานโหว เป็นผู้บัญชาการ

ฟู่ถิงจวินได้ข่าวว่มารดาเข้าเมืองหลวง จึงอยากพบแต่ก็ตัดสินใจติดตามจ้าวหลิงไปนอกด่านอันแสดงว่ามีใจให้ (ช่วงนี้หวานเจี๊ยบ) และแสดงความสามารถของว่าที่ศรีภริยาผู้วางตัวได้เหมาะสมและสนับสนุนสามีได้อย่างยอดเยี่ยม แน่นอนว่าฟู่ถิงจวินเจอปัญหาด้านสังคมเมื่ออาศัยในการซู่และจ้าวหลิงต้องออกรบ หลังจากทั้งสองผ่านเรื่องต่างๆ มาด้วยกัน ความสัมพันธ์ก็ยิ่งลึกซึ้งซับซ้อน จ้าวหลิงยังได้เล่าเรื่องครอบครัวที่ทำให้ตนเองมีปมในใจอยู่ จ้าวหลิงมีผลงานโดดเด่นจนเลื่อนไปรักษาการนายกองพัน ได้เป็นคนของอิ่งชวนโหวที่เป็นบุตรชาย ฝู่กั๋วกง ที่ดูแลกองบัญชาการทหาร เมื่อท่านสิบหก มู่อ๋อง ที่ครองหูกว่างก่อกบถ เมื่ออิ่งชวนโหวอยู่ฝ่ายมู่อ๋อง จ้าวหลิงจึงหาส่งฟู่ถิงจวินไปเมืองหลวงเพื่อให้พบมารดา แต่ความจริงคือให้พ้นจากการรบพุ่ง ดีที่มู่อ๋องสามารถยึดเมืองหลวงและขึ้นเป็นฮ่องเต้ได้อย่างรวดเร็ว จ้าวหลิงก็เป็นองครักษ์ใกล้ชิดที่มีความดีความชอบก็ได้เป็นขุนนางบู๊ขั้นสามตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังรักษาพระองค์หน่วยซ้าย สามารถขอพระราชทานสมรสจากไทฮองไทเฮาได้

เรื่องของตระกูลฟู่ที่เมืองหลวงคือนายท่านห้าได้เลื่อนตำแหน่ง พี่ชาย ฟู่ถิงกุ้ย ได้เรียนกับบัณฑิตใหญ่ พี่สะใภ้ดูแลเรือน แต่เมื่อฟู่ถิงจวินไปหากลับถูกขับไล่ออกจากครอบครัว ไม่สามารถพบมารดาที่ป่วยอยู่ได้จนจ้าวหลิงดึงดันเข้าไปพบ ทั้งสองจึงแต่งงานกันโดยมีแต่มารดาที่อำนวยพรให้ก่อนตาย ไม่นานฟู่ถิงจวินก็ได้ลูกสาว (ระหว่างนี้ก็น้ำตาลกองเป็นภูเขา) ระหว่างที่จ้าวหลิงเป็นแม่ทัพหน้าไปปราบกบฏที่กุ้ยโจว ฟู่ถิงจวินจับตัวจั่วจวิ้นเจี๋ยจนได้เบาะแสถึงเรื่องที่ตนถูกใส่ร้ายเมื่อสี่ปีก่อนว่าเป็นผลงานของอวี๋จิ้งซิวที่ต้องการยกเลิกการหมั้นเพื่อแต่งกับลูกสาวอาจารย์ ฟั่นซื่อ และบีบนายท่านห้าด้วยความลับของการทุจริตในการสอบบัณฑิต การปะทะระหว่างตระกูลจ้าวและอวี๋ก็ซับซ้อนเพราะอวี๋กั๋วเหลียงกำลังมีโอกาสมากที่จะได้เป็นราชเลขาธิการสภาขุนนางหลังฮ่องเต้สะสางขุนนางฝ่ายบุ๋น คนเรานี้ก็แบ่งเป็นชั้นต่ำกลางสูง คนชั้นสูงกระทำสิ่งถูกต้องตามทำนองคลองธรรม คนชั้นกลางยึดถือความซื่อสัตย์ภักดี มีเพียงคนชั้นต่ำที่ละทิ้งจรรยามารยาทสามัญสำนึก ความสุจริต และยางอายทิ้งไปเพื่อประโยชน์ส่วนตน และ วิญญูชนเหมือนดั่งหยก มีความหมายผิวเผินถึงรูปลักษณ์ท่าทางของคนคนหนึ่ง แท้ที่จริงมันหมายถึงอุปนิสัยและการอบรมบ่มเพาะ

ความก้าวหน้าทางการงานของจ้าวหลิงไปเร็วมากเพราะฮ่องเต้สนับสนุนในฐานะขุนนางตามมังกรให้ศึกษาเพื่อเป็นแม่ทัพจนได้แสดงศักยภาพถึงขนาดได้รับประราชทานนาม หู่เฉิน (ขุนนางพยัคฆ์) จ้าวหลิงต้องออกประจำชายแดนที่กุ้ยโจวและเซวียนถง ปีหนึ่งกลับเมืองหลวงได้ไม่นานแต่ก็พอให้ฟู่ถิงจวินตั้งครรภ์ลูกชายสามคน ส่วนคนรอบข้างอื่นๆ ก็เริ่มตั้งครอบครัวแตกสาขาสนับสนุนการตั้งตระกูลขุนนางใหญ่ เรื่องแตกหักตระกูลอวี๋ ฟู่ และจ้าวที่ตอนนี้ต้องการตัวแล้วก็ยังทำให้เป็นกังวลอยู่บ้างแต่ก็สามารถผ่านพ้นไปด้วยดี ...


เรื่องนี้ดำเนินเรื่องหลักตามมุมมองของฟู่ถิงจวินที่ต้องเผชิญการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงจากคุณหนูในห้องหอที่ถูกประคบประหงมเป็นผู้ที่ต้องลี้ภัย เปลี่ยนเป็นคู่หมั้นและภรรยา ในการดำเนินเรื่องต้องบอกว่าอ่านแล้วมีความรู้สึกว่าสมจริงมากเลยค่ะ โดยเฉพาะเรื่องของสังคมศักดินา ชีวิตในครอบครัวใหญ่ การบริหารจัดการครัวเรือน การเรียกชื่อ ความสัมพันธ์นายบ่าว การเชื่อมสัมพันธ์เพื่อผลประโยชน์ การรักษาหน้าในสังคม เรื่องของผู้ลี้ภัย ฯลฯ ที่รู้สึกว่าเขียนได้ดีมากๆ อ่านแล้วอินสุดๆ กับความกดดันที่ฟู่ถิงจวินได้รับ (ถึงหลายตอนอยากจะซัดหน้าระบายความอยุติธรรม แต่เมื่อมองในบริบทสังคมก็พอเข้าใจนะคะว่าทำไม) ถึงเล่มจะยาวและโครงเรื่องไปไม่มากแต่การดำเนินเรื่องทำให้ต้องติดตามอย่างจดจ่อ อ่านรวดเดียวจบเล่ม บทบู๊ก็พอจะกล่าวว่าไม่เวอร์มากและอยู่ในระดับที่ดูเหมาะสมดี

ด้วยความที่ให้ความรู้สึกเหมือนจริงมาก ในช่วงแรก จขบ. สงสัยหนักคือผู้แต่งได้กำหนดให้เรื่องเกิดในสมัยใด เนื่องจากยังไม่มีพูดถึงมากนักเลยยังฟันธงไม่ได้ว่าเป็นยุคสมมุติหรือใช้ยุคสมัยจริงเป็นฐาน แต่มีแนวโน้มว่าน่าจะไม่ใช่สมัยจริงเป๊ะๆ เพราะลองไปค้นตามข้อมูลรัชสมัยและระยะเวลาครองราชย์ของฮ่องเต้ก็ยังหาที่ตรงเป๊งไม่ได้ แต่เมื่อไปเรื่อยๆ ก็ชัดค่ะว่าไม่ได้จับช่วงประวัติศาสตร์จริงมา โดย จขบ. รู้สึกว่าลักษณะสังคมมีความคล้ายสมัยราชวงศ์ซ้องหรือหมิง ถ้าท่านใดทราบฝากคอมเมนต์ด้วยนะคะ

แต่ที่ฮากับตัวเองมาก คือพอเอามาอ่านใหม่ก็ทำให้นึกถึงการตีความในเรื่อง 'จะรักใครก็รักไป' ที่พูดถึงสำนวน "ยามยากพึงรักษาคุณความดีแห่งตน ยามมีเพียรทำคุณประโยชน์ต่อผู้คน" กับการเทียบเคียง "คนเรานี้ก็แบ่งเป็นชั้นต่ำกลางสูง" ที่ออกมาตรงข้ามสามร้อยหกสิบองศา

ในภาพรวมถือว่าเป็นเรื่องที่มีฉากหลังทางสังคมและวัฒนธรรมหนักแน่นมาก แต่มีแปลกๆ อยู่บ้าง อย่างตอนรถม้าเตลิดในเล่มสามที่ไปไกลเป็นร้อยลี้ การดำเนินเรื่องในบางแง่ก็สะใจในบางมุม ทางตระกูลจ้าวราบรื่นมากไปไหม เสียดายที่ช่วงหลังของเรื่องดูจะเน้นทางอวี๋จิ้งซิวมากไปหน่อย และจบแบบห้วนไปนิด คิดเรทเยอะเหมือนกันนะคะ ส่วนเรื่องแปลก็ดี สรุปเรื่องคือมีความโดดเด่นในเรื่องความสำคัญของภริยาผู้ดูแลครอบครัว นึกถึงคำในเรื่อง 'จอมใจจอมยุทธ' ที่ว่า สุภาพชนสำรวมตน อุ่นละมุนประดุจหยก ความชอบติดกลุ่มสูงสุดของมากกว่ารักค่ะ
[16/05/17, 12/08/17, 23/08/17, 25/09/17, 20/11/17, 29/07/21]

ที่มา
[1] จือจือ (Honey Toast แปล). พราวพร่างบุปผาตระการ. ชุดมากกว่ารัก, แจ่มใสพับลิชชิ่ง, 7 เล่มจบ, 450 + 450 + 408 + 456 + 448 + 424 + 440 หน้า, 2560.


รายการนิยายจีนแปลไทย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Spy×Family - Endo Tatsuya

ลำนำรักเทพสวรรค์ - ถงหัว

สืบลับฉบับคาโมโนะฮาชิ รอน - Amano Akira