เสน่ห์เงามาร - เฮยเจี๋ยหมิง

เรื่อง คู่ฝันคะนึง คู่บุปผาข้ามภพ คู่มายาปรารถนา คู่ผจญมนตร์มาร คู่หวนอวลอิง คู่อสูรครวญรัก คู่ชะตาอาญาใจ คู่เคียงเรียงรัก คู่แค้นสงครามรัก คู่มนตราสาปรัก คู่อุ่นไอร่ายรัก & คู่นิรันดร์พันภพ
แต่งโดย เฮยเจี๋ยหมิง (Hei Jie Ming) แปลโดย เสี่ยวเฟิงหลิง และ เม่นน้อย


ในท้ายเล่มภาคสอง ผู้แต่งอธิบายถึงซีรี่ส์มารอมตะอายุพันปีว่าคือ "นิยายตำนานรักแฟนตาซีโบราณผสมกับปัจจุบัน เนื้อหาสลับไปมาระหว่างอดีตกับปัจจุบัน ครอบคลุมทั้งสวรรค์ โลกมนุษย์ แล้วก็นรก มีเทพ มีมนุษย์ มีผีสาง มีตัวประหลาด มีปีศาจ ทุกคนวิ่งไปวิ่งมาทั่ว" คำแนะนำในการอ่านคือให้อ่านเรียงตามลำดับเวลาในเรื่องที่เรียงไว้ในบล็อกนี้ อย่าตามลำดับการแปลเพราะจะงงและไม่อินมุกค่ะ

คู่ฝันคะนึง

ฉิวเทียนฟั่ง เป็นเด็กเร่ร่อนที่ประธานบริษัทหวงถ่งกรุ๊ป ฉิวจิ้งหย่วน รับอุปการะเป็นลูกบุญธรรมตอนสิบขวบ ยี่สิบห้าปีผ่านไปฉิวเทียนฟั่งก็สามารถมารับช่วงต่อและรับมือกับเหล่าญาติที่ต้องการส่วนแบ่งในอำนาจทรัพย์สมบัติได้อย่างดีเยี่ยม

ฉิวเทียนฟั่งเริ่มฝันตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น ในอดีตฉิวเทียนฟั่งคือราชา อาถ่าซ่ากู่ กงฉี แห่งหมู่ลา ที่หลงรักน้องสาวผู้เป็นองค์หญิงแห่งราชวงศ์ เชื่อมารปีศาจ สังเวยแม่มดที่มีสายโลหิตเทพ หลิง แลกกับพลังเพื่อชิงใต้หล้า คลุ้มคลั่งทะเยอทะยานจนถูกฆ่าโดยคนที่เชื่อใจที่สุด คือธิดาแม่ทัพ ขุนนางหญิงอันดับหนึ่ง และชายา เยี่ยเตี๋ยอู่ ผู้เป็นเพื่อนสนิทของหลิงและองค์หญิงด้วย

หลิงถูกปีศาจร่ายมนต์ให้ไม่มีวันตาย จะได้มีเลือดเนื้อให้กินไปเรื่อยๆ เมื่อหลิงหนีออกมาได้ก็ขอให้กงฉีที่ทำบาปจนควรไม่ได้ผุดได้เกิดให้เป็นเกิดใหม่ใช้บาปโดยรับโทษทัณฑ์แทน สาปเยี่ยเตี๋ยอู่ด้วยคำสาปโลหิตให้ไม่แก่ไม่ตายด้วย เพื่อให้คอยหักหลังและฆ่ากงฉีทุกชาติ ซึ่งก็เป็นมาตลอดเมื่อไม่ว่าจะเกิดเป็นมหาโจรดุร้าย ขุนนางเลือดเย็น หรือแม่ทัพขายชาติ

เมื่อ 35 ปีก่อนที่เยี่ยเตี๋ยอู่ฆ่ากงฉีครั้งล่าสุดแล้วเสียความทรงจำก็ได้นักโบราณคดีสองสามีภรรยารับเป็นลูกบุญธรรมในชื่อ ถังเข่อชิง แต่ร่างกายที่ไม่แก่ขึ้นเลยทำให้ถังเข่อชิงพยายามแยกตัวออกมาเช่าอพาร์ตเมนต์ของ ฉิน ที่เปิดร้านกาแฟอยู่ใต้ตึก (ความจริงเป็นยมบาลผู้พิพากษา) ถังเข่อชิงทำงานเป็นซุปเปอร์เลขาฯ ของฉิวจิ้งหย่วน จนได้มาพบฉิวเทียนฟั่งที่ทั้งเห็นการถูกฆ่าครั้งแล้วครั้งเล่าและถูกซ้ำเติมด้วยการปรากฏตัวของหลิง ...

ในท้ายเล่มบอกว่าเป็นเรื่องแรกในชุดเสน่ห์เงามาร ที่ได้แรงผลักดันสุดท้ายจากการไปนิทรรศการอารยธรรมที่ล่มสลาย ชื่อจีนคือ 'อสูรคู่คะนึง' จากตัวเอกที่เป็นอสูรคลุ้มคลั่งเพราะความคิดถึง ซึ่งคำอธิบายนี้ก็ทำให้ จขบ. เข้าใจมากขึ้นล่ะค่ะ เพราะเรื่องนี้โครงเรื่องใหญ่ แต่รายละเอียดน้อยไปโดยเฉพาะในช่วงอดีต บางตอนเลยงงอยู่บ้าง แถมมีการดำเนินเรื่องแบบบอกมาตรงๆ ที่ไม่รู้สึกอินหรือสะเทือนอารมณ์เอาเลย ทำให้คิดว่าน่าจะขยายเรื่องให้มีรายละเอียดมากขึ้น ถึงยาวกว่าสักเท่าก็ยังไม่มาก จะได้สร้างอารมณ์เต็มที่ เมื่อรวมกับฉากติดเรทในยุคปัจจุบันที่ไม่น้อยนัก เลยทำให้ภาพรวมดูไม่ค่อยสมดุลเท่าไหร่ (ทำให้นึกถึงหน้าปกที่เอาชนกันแล้วรูปไม่ต่อ เหลื่อมทั้งด้านนอนและตั้งอย่างละนิด) สรุปคือรู้สึกว่าอ่านได้เรื่อยๆ แต่ไม่ได้ประทับใจอะไรเป็นพิเศษค่ะ
[05/08/14]

คู่บุปผาข้ามภพ

จากในเล่มแรก อาถ่าซ่ากู่ อวิ๋นเมิ่ง น้องสาวของกงฉี ได้ตายเพราะยินดีรับถ่ายโอนความทุกข์โรคภัยจนหมดกำลัง การตายของอวิ๋นเมิ่งทำให้กงฉีคลุ้มคลั่งและสังเวยหลิงที่เป็นน้องสาวที่แยกแต่เกิด กงฉีเมื่อตายแล้วก็ถูกโยนลงนรกขุมที่สิบแปด หลิงและเยี่ยเตี๋ยอู่ต้องร่อนเร่ในโลกมนุษย์ชั่วนิรันดร์ ยังดีที่ ปาหลาง ได้หล่อภาพสำริดขึ้นเพื่อให้ทั้งสองมีโอกาสไถ่ถอน

อวิ๋นเมิ่งที่ทำความดีงามจนสำเร็จเป็นเทพธิดาใต้ ฮูหยินร้อยบุปผา เมื่อทราบเรื่องก็หาทางไปนรกอเวจีเพื่อให้กงฉีได้ไปเกิดใหม่และมีโอกาสทำลายคำสาปแช่งได้ โดยอวิ๋นเมิ่งจะขอรับทัณฑ์แทนแทนกงฉีกับราชันนรกอเวจี ฉินอู๋หมิง (ไร้วันพรุ่งนี้) โอรสองค์โตของพญายมราช (โอรสรองดูแลสมุดบันทึกการเกิดการตาย ลำดับสาม ฉินอวี้เฉิง อยู่ที่หอรู้แจ้ง ลำดับเจ็ดคือฉินเทียนกง และอันดับแปด ฉินอวี้เฟิง) ฉินอู๋หมิงมีหน้าที่ดูแลวิญญาณบาปให้สำนึก อยู่อย่างโดดเดี่ยวเงียบเหงา บางครั้งก็เล่นขลุ่ยเพลงสงบวิญญาณให้เหล่าวิญญาณร้าย

อวิ๋นเมิ่งที่มีวิญญาณงดงามบริสุทธิ์สะอาด ก็ทำให้ฉินอู๋หมิงหลงรักและทำผิดกฏปล่อยวิญญาณกงฉีให้ไปเกิดใหม่แลกกับการแต่งงาน ซึ่งอวิ๋นเมิ่งก็รับด้วยความยินดี มีชีวิตอย่างสุกสงบ ที่มาคุยบ้างคือพวกน้องชาย และจอมปีศาจเจ็ดชาติที่อวิ๋นเมิ่งขำระวิญญาณโดยบังเอิญและกลายเป็นภูตแมวดำชื่อ มี้มี้

แต่กงฉีไปฆ่าคนในโลกมนุษย์อีก ทำให้สวรรค์ส่งแม่ทัพสวรรค์มาเอาผิด ฉินอู๋หมิงตั้งใจจะรับความผิดไว้ทั้งหมด แต่อวิ๋นเมิ่งให้ฉินเทียนกงและฉินอวี้เฟิ่งพาไปชี้แจงกับตุลาการกับพญายมราช อวิ๋นเมิ่งรับผิดเองทั้งหมด ถูกปลดจากเทพธิดา เข้าสู่สังสารวัฏอีกครั้ง จนกว่าจะสั่งสมบุญกุศลได้เท่าเดิม โดยจอมราชันสังสารวัฏพาไปดื่มน้ำลืมรักเพื่อเกิดใหม่ทันที

ฮูหยินร้อยบุปผาช่วยเปลี่ยนวิญญาณบาปให้กลายเป็นดอกปี่อั้น (ดอกไม้อีกฟากฝั่ง ภาษาดอกไม้คือความทรงจำอันแสนเศร้า) ที่ออกไปนอกนรกอเวจีได้ ฉินอู๋หมิงจึงออกไปตามหาอวิ๋นเมิ่ง ถ้าพบก็คอยดูอยู่ห่างๆ ไม่กล้าเข้าไปยุ่งด้วย จนผ่านไปเกือบเกือบร้อยชาติ อวิ๋นเมิ่งเกิดเป็น ไป๋ฉี่ลี่ ที่มีครอบครัวอบอุ่น เป็นสุดที่รักของพ่อ ไป๋เทียนอี้ แม่ ฉู่หนิง และน้องชายฝาแฝด ไป๋จื้อฉี และ ไป๋จื้อหลิน ตั้งแต่เล็กไป๋ฉี่ลี่จะเห็นและสามารถช่วยส่งวิญญาณที่หลงทางได้ แต่ก็ทำให้สุขภาพอ่อนแอ มักเป็นลมเข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ

ฉินอู๋หมิงก็พยายามปกป้องโดยสร้างเกราะกำบังไว้รอบ และยังให้กุมารปีศาจและกุมารบุปผาจุติเป็นน้องชาย ลบความทรงจำของครอบครัวไป๋และฉู่ไปหมด ตัดขาดกับฉู่หนิงที่แต่งเข้าตระกูลไป๋ ตัวเองก็เปิดร้านกาแฟอยู่ไม่ห่างนัก คอยรดน้ำทิพย์บรรเทาความร้อนระอุให้วิญญาณทุกข์ทรมานที่เป็นดอกปี่อั้นหน้าร้าน มีมี้มี้และหลิงที่ฉินช่วยชี้แนะไว้จนสงบ

จนกระทั่งวันหนึ่งไป๋ฉี่ลี่ที่เรียนมัธยมปลายก็เข้ามาที่ร้านกาแฟโดยบังเอิญ แต่ฉินอู๋หมิงก็ไม่กล้าจะตอบรับความรู้สึก ทั้งยังพบว่านี่เป็นชาติสุดท้ายก่อนที่จะกลับไปเป็นเทพธิดา อันเป็นทางที่เหมาะสมกับเธอ แทนที่จะต้องมาทนกับนรกอเวจี ...

เรื่องนี้หลังมาอ่านใหม่ซ้ำอีกครั้ง ทำให้เรื่องที่เคยงงอยู่บ้างก็หายไปหมด กลายเป็นเข้าใจง่ายมาก เล่มแรกเป็นเรื่องในนรก ส่วนเล่มสองเป็นของปัจจุบันที่ในที่สุดก็ได้สมหวังสักที ถึงจะอยากซัดพระเอกไปบ้าง ฐานตัดสินใจเองหมดอยู่นาน แทนที่จะพูดให้รู้เรื่อง ทำเอารากเลือดกว่าจะเป็นสุขกันจนได้ ยังไงก็แล้วแต่ ก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเพราะฉินโผล่มาเยอะมากในชุดนี้ ก็ควรทำความเข้าใจให้ดีหน่อย นอกจากนี้ เรื่องอื่นนอกชุดที่เกี่ยวข้องคือ 'หัวขโมยจำนนใจ' ที่เป็นเรื่องรุ่นพ่อแม่ของไป๋ฉี่ลี่ แถมฉินก็ปรากฎตัวด้วย
[19/04/21]

คู่มายาปรารถนา


คู่ผจญมนตร์มาร

จื่อจิง เป็นเด็กไร้ญาติที่มีอำนาจในการปิดผนึก ตั้งแต่เล็กได้พ่อมดเฒ่า อาหม่า เลี้ยงดูเป็นผู้เผ้าประตูแห่งป่าต้องห้าม ที่มีหน้าที่นำผลึกที่แก้วเต็มไปด้วยวิญญาณแค้นที่เหล่าพ่อมดแม่มดนำมาส่งไปสังเวยพวกมารที่อยู่ในถ้ำที่เชื่อมต่อกับแดนปีศาจ ซึ่งวันหนึ่งเธอก็ได้รู้จักกับมารชั้นต่ำ เยี่ยอิ่ง ที่มีหน้าที่มารับเครื่องสังเวยและรับใช้ปีศาจชั้นสูง ชื่อเหว่ย ซึ่งทั้งคู่ก็รู้ว่าเรื่องนี้เป็นความลับและพยายามปกป้องอีกฝ่ายอย่างเต็มที่

หลิงที่เคยเรียนข่ายอาคมกับอาหม่าสมัยยังเด็กถูกมอบให้ชื่อเหว่ย ถูกสาปให้เป็นอมตะเพื่อจะได้กินเลือดเนื้อทุกคืนจันทร์เต็มด้วย โดยเยี่ยอิ่งมีหน้าที่คอยส่งอาหารให้ เมื่อหลิงก็ได้โอกาสอ่านความจำที่หลงลืมไปของเยี่ยอิ่งและพบว่าเคยเป็นเทพสงครามของราชวงศ์เมื่อหลายร้อยปีก่อนที่แลกเปลี่ยนกับมารเพื่ออำนาจ หลิงเลยหลอกให้ไปขโมยตำราเวทในห้องจอมมาร แต่การรับพลังมีความเสี่ยงเกินไป หลิงเลยร่ายมนตร์ใส่เยี่ยอิ่งแทน ทำให้เยี่ยอิ่งหลงลืม ถูกหลิงควบคุม และฆ่าจื่อจิงที่ขึ้นเขามาปิดผนึก

ผ่านเวลาไปแสนนาน เยี่ยอิ่งที่ขึ้นเป็นราชันของหมู่มารก็เบื่อหน่ายว่างเปล่าจนแยกตัวออกมา หลิงที่รู้สึกผิดกับจื่อจิงอย่างมากก็พยายามหาทางแก้ไข แต่จื่อจิงจะเกิดกี่ชาติก็โดดเดี่ยวไม่ไว้ใจใคร จนในชาติปัจจุบัน ถงชิวหราน มีชีวิตลำบากเพราะพ่อติดการพนัน แม่ทำงานหนักจนตายเร็ว ทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดตามบ้าน หลิงจึงตัดสินใจพาเธอมาพบเยี่ยอิ่งอีกครั้ง ...

ส่วนใหญ่ของเรื่องนี้ต้องบอกว่าไม่มีอะไรเท่าไหร่นะคะ แต่น่ารักอบอุ่นมากเลยละ อ่านแล้วรู้สึกอิน ให้อารมณ์น้ำผึ้งผสมน้ำตาเต็มพิกัด เพราะนำโดยผีขี้แยที่เก่งกาจที่สุดในประวัติศาสตร์ แถมฉากติดเรท 555 เรื่องอาหารถึงจะธรรมดาๆ แต่ก็บรรยายได้ซะอยากกินเลย โดยเฉพาะชาบ๊วยดองและโจ๊กใส่ไข่ แต่ก็ต้องประท้วงว่าหน้าปกวาดพระเอกที่ตอนนั้นยังเป็นมารน้อยอย่างหล่อเวอร์ เพลาๆ ลงไปหน่อยก็ยังดีนะ 555
[14/05/15]

คู่หวนอวลอิง


คู่อสูรครวญรัก


คู่ชะตาอาญาใจ

ทายาทคนสุดท้ายของตระกูลจินที่โดดเด่นด้านการปลูกเบญจมาศเป็นธิดา เมื่ออายุสิบห้าพ่อแม่จึงหาสามีให้เพื่อมีทายาทสืบต่อครอบครัว แต่สามีก็ใช้กำลังรุนแรงและทำร้ายเธออย่างแสนสาหัสจนทนไม่ได้ สุดท้ายก็ฆ่าสามีแล้วหนีออกจากบ้านจนได้คุณชายสำนักสนองฟ้าคือ ซ่งอิ้งเทียน ช่วยไว้ เธอจึงแกล้งเป็นความจำเสื่อม ได้ชื่อใหม่ว่า ไป๋ลู่ และได้เรียนวิชาแพทย์ ปลูกสมุนไพร และช่วยดูแลบัญชีและกิจการของโรงยาที่ริมทะเลสาบต้งถิงนอกเมืองเยวี่ยโจว จนสำนักสนองฟ้าที่เป็นสาขาของหอหงส์กลายเป็นที่รู้จักและพึ่งพึงของคนจำนวนมาก ความสำเร็จของไป๋ลู่มากจนคนทั่วไปคิดว่าเธอน่าจะเป็นภรรยาที่ยังไม่ได้แต่งของซ่งอิ้งเทียน แต่อย่างไรไป๋ลู่ก็กลัวผู้ชายอยู่ดี

ช่วงที่นายท่าน ฮูหยิน และคุณชายไม่อยู่ ก็มีชายคนหนึ่งที่เกือบจมน้ำตายนาม ซูเสี่ยวเม่ย มาหาซ่งอิ้งเทียนโดยถือป้ายลายหงส์ระเริงที่อาจารย์ปู่สกุลซ่งมอบให้ซ่งอิ้งเทียน ไป๋ลู่จึงยอมให้ซูเสี่ยวเม่ยอยู่ต่อและช่วยงานต่างๆ จนเริ่มมีความรู้สึกต่อกัน แต่แท้ที่จริงซูเสี่ยวเม่ยเป็นมือปราบของกรมอาญาที่รับคำสั่งมาสืบสวนคดีหญิงสาวตายปริศนา เรื่องเดียวที่ผู้ตายมีเหมือนกันคือซ่งอิ้งเทียนเคยตรวจรักษาให้ ซูเสี่ยวเม่ยจึงเฝ้ารอเพื่อพอโดยที่ไม่ทราบว่าซ่งอิ้งเทียนได้พาอาหลิงที่บาดเจ็บใน 'คู่อสูรครวญรัก' มาอยู่บนเกาะเพื่อดูไม่ให้อาละวาด และที่สำคัญคือการตายของลูกสะใภ้อดีตนายอำเภอ เว่ยเหยียน ถูกชาวบ้านร่ำลือว่ามีเงื่อนงำ เว่ยเหยียนก็ตัดสินใจฟ้องร้องไป๋ลู่ให้เป็นแพะ ...

เรื่องนี้มาได้โดดเด่นมากนะคะ จับจุดมืดในสังคมคือเรื่องความรุนแรงในครอบครัวออกมาเป็นธีมเต็มๆ ได้ใจ จขบ. มากเลย แนวทางการไต่สวนคดีของศาลแบบราชวงศ์ถังดูน่าสนใจน่าศึกษา ข้าค้นพบอย่างรวดเร็วว่าการเป็นคนมิใช่ว่าซื่อสัตย์เถรตรงแล้วจะไม่ถูกใส่ร้าย แต่ตัวเองต้องรู้กฎหมายและคุ้นเคยกับมัน หาไม่แล้วถูกผู้อื่นปรักปรำด้วยข้อหาอะไรยังไม่รู้

การแปลใช้ได้นะคะ แต่ก็หลุดคำศัพท์สมัยใหม่ออกมาบ้าง อย่างยกระดับคุณภาพชีวิต มีเป่าปากปั๊มหัวใจด้วย 555 แต่ที่รู้สึกไม่ค่อยน่าเชื่อคือตอนปลอมศพในช่วงสุดท้ายที่ดูแล้วไม่น่าจะหลอกไหวนะ อ้อ มีติดเรทอย่างไม่น้อย ทำให้นึกถึงธีมเด่นของ Mary Balogh นักเขียนนิยายโรมานส์ย้อนยุคที่ตัวเอกหลายคนเป็นสตรีผู้ตกต่ำที่ก้าวข้ามอุปสรรคด้วยความเข้มแข็งของตนเองและมีบทติดเรทร้อนแรง

สรุปว่า จขบ. ให้เป็นเรื่องที่โดดเด่นมากเลยล่ะค่ะ ความชอบเอาไปด้านบนๆ ของมากกว่ารักแน่นอน ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้ว ชุดเสน่ห์เงามารนี้ ก็ชอบในระดับสูงของมากกว่ารักอยู่แล้วนะ ^_^
[18/04/16]

คู่เคียงเรียงรัก

เรื่องเกิดเมืองริมทะเลสาบต้งถิง สาวน้อย เหลยตงตง มีชีวิตที่ไม่สบายนัก โดยสถานะเป็นลูกสาวคนขายเต้าหู้ฝีมือดี ตอนห้าขวบป่วย ได้คุณชายสำนักสนองฟ้าซ่งอิ้งเทียนช่วยชีวิตแต่หูก็หนวก การที่หูหนวกทำถูกเด็กอื่นรังแกรังแก ส่วนแม่ตายตั้งแต่แปดขวบ แต่เธอก็ยังเป็นเด็กดี ช่วยพ่อและทำงานแทนแม่มาตลอดและยังสนิทสนมกับซ่งอิ้งเทียนที่อัจฉริยะเร้นกายบนเกาะซึ่งมี อาหลิง สาวลึกลับที่ไม่ทราบที่มาอาศัยอยู่ด้วย นอกจากนี้ที่สำนักสนองฟ้าก็มีอดีตขุนนาง ซูเสี่ยวเม่ย ที่เก่งรอบด้าน ฝีมือวิทยายุทธดี สอนให้ชาวบ้านด้วย ตอนนี้ช่วยทำงานที่จวนผู้ตรวจการมณฑล มีผลงานทลายรังโจร

ชะตาเหลยตงตงเปลี่ยนเมื่อตอนสิบขวบหลังได้ช่วย อี้หย่วน คุณชายโรงกระดาษและหัวโจกเด็กแถวนั้นที่ตกม้าโดยไปตามซูเสี่ยวเม่ยมาดู นอกจากอี้หย่วนจะรู้จักเหลยตงตงว่าไม่ได้เป็นเด็กโง่ แต่ยังต้องรักษาตัวที่สำนักสนองฟ้า ได้ประสบการณ์ที่ไม่เคยเจอมาก่อนจนนิสัยดีกว่าเดิม แถมเรียนวิทยายุทธกับซูเสี่ยวเม่ยด้วย เด็กทั้งสองสนิทกัน อี้หย่วนสอนอักษรและเดินหมากให้เหลยตงตง แถมหาหนังสือให้อ่านด้วย ไม่ช้าอี้หย่วนก็รู้สึกชอบสาว และโดนพ่อเหลยตงตงตักเตือน ทำให้มุ่งมั่นมุมานะ เมื่ออี้หย่วนต้องรับช่วงครอบครัวตอนอายุสิบหกเลยเว้นไปหลายปีค่อยเจอกันใหม่

ผ่านมาสิบสามปี เหลยตงตงที่เสียพ่อก็เปิดร้านเต้าหู้ต่อ มีคนมาชอบเยอะ เช่นหัวหน้ามือปราบ ชิวเฮ่าหราน ที่ทำเอาคุณชายอี้หย่วนรู้สึกขัดหูขัดตาอย่างยิ่งเพราะถึงชอบมาตลอดแต่ไม่กล้ารุก ^^ ส่วนทางสาวอยากชอบแต่สถานะไม่สมกัน ได้แต่คบเป็นมิตรสนิท เปิดใจผ่อนคลายที่พบพบพูดคุย ทานอาหาร เล่นหมาก อ่านหนังสือกันบ้างเวลาว่างหลังปิดร้าน ต้องไม่ให้เพื่อนบ้านรู้เพราะเวลาและความใกล้ชิดไม่เหมาะสมนัก ...

เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกในชุดเสน่ห์เงามารที่แปลออกมา ทำให้มีปัญหาในการอ่านครั้งแรก คือในเล่มแรกเนื้อเรื่องไม่มีอะไรแปลก แต่ จขบ. ชอบมากนะคะ ทั้งเงียบ เรียบร้อย มีเสน่ห์อบอุ่นละมุนละไม หวานเฉียบสไตล์แค่แตะก็ทำเอาคนอ่านร้องกรี๊ดได้ ตอนคนจีบประจันหน้ากันน่ารัก เรื่องทำกระดาษและเต้าหู้น่าสน ทั้งพระเอกนางเอกเป็นคนทำงานจริง ตั้งอกตั้งใจเอาถ่านอย่างยิ่ง ทำให้ความชอบของ จขบ. ทะลุเพดานเข้า Quadrant สูงสุดเลยล่ะค่ะ

แต่ในเล่มสองหลังงานแต่ง มีเรื่องเบื้องหลังของเหลยตงตงที่มีทั้งภูตเทพและธิดามังกร ฯลฯ ทำให้รู้สึกว่าเหมือนวาดงูเติมขา เกิดรูเบ้อเริ่มในโครงเรื่องตอนต้น ถึงเห็นว่าเรื่องนี้คงเป็นตอนในชุด ทำให้ต้องวางฐานให้เล่มอื่นด้วย แต่ก็ทำให้ความชอบของ จขบ. ตกฮวบ ถึงดีกว่าค่าเฉลี่ยก็เถอะแต่ก็เสียดายระดับความชอบมาก ต้องอ่านเล่มอื่นออกมาถึงจะเข้าใจว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร จึงสรุปว่าถ้าอยากอ่านชุดนี้ ให้อ่านตามลำดับเล่ม อย่าไปอ่านตามลำดับการพิมพ์ค่ะ
[14/11/13, 15/04/21]

คู่แค้นสงครามรัก

จั่วชิงชิว เป็นผู้มีวิชาด้านกลไก สามารถประดิษฐ์อาวุธไฟเพลิงกาฬที่ร้ายแรงขึ้น แต่ถูกท่านอ๋องหาเรื่อง จึงพาภรรยาและบุตรสาว จั่วซิ่วเยี่ย ที่รับสืบทอดวิชาทั้งหมดหนีออกจากเมืองหลวง แต่ก็ไม่รอด ถูกตามพบในเจ็ดเดือน จั่งชิงชิวจึงยอมตายเพื่อสร้างร่องรอยให้ครอบครัวหนีออกไปนอกด่านโดยหวังว่าจะปลอดภัย

แต่ในทุ่งหญ้าทหารมองโกลออกตีเมืองปล้นสดมภ์ ภรรยาที่ใช้หน้าไม้กลป้องกันตัวเองถูกฆ่าด้วยฝีมือของทหารมองโกล อาหล่างเถิง ส่วนจั่วซิ่วเยี่ยที่ปลอมตัวเป็นเด็กชายถูกอาหล่างเถิงจับไปเป็นทาสรับใช้ เหตุผลหลักที่อาหล่างเถิงไม่ฆ่าเด็กชายเพราะนึกถึงตัวเองที่เดิมชื่อ จางหยาง ก็โดนจับมาเป็นทหารเชลยหลังจากที่แม่โดนฆ่าเช่นเดียวกัน เพื่อเอาชีวิตรอดจึงเป็นทหารเชลย ต่อสู้จนได้เลื่อนเป็นนายกองร้อยทหารเชลยภายใต้แม่ทัพแนวหน้า ลาซู ที่เป็นทั้งพระมาตุลาของต้าเค่อข่าน เหมิงเกอ และคนสนิทของพระอนุชาองค์ที่สาม ซวี่เลี่ยอู้

ชีวิตในกองทหารเชลยยากลำบากและเสี่ยงตายเป็นธรรมดา การรักษาตัวรอดของจั่วชิงชิวยิ่งยากกว่า และนางยังต้องการแก้แค้นให้แม่อีก ปกติทหารเชลยต้องทำงานทุกอย่างตั้งแต่เก็บศพถึงเข้าสู่สนามรบในฐานะเหยื่อล่อ หลังจากผ่านไประยะเวลาหนึ่งจั่วชิงชิวก็พบว่าทหารเชลยของอาหล่างเถิงมีอัตราการรอดชีวิตสูงกว่าค่ายอื่นมาก ซึ่งก็ไม่ได้เป็นเพราะโชค แต่อาหล่างเถิงสอนทหารใหม่โดยให้ทำงานที่ทรมานลำบาก 'เขาฝึกฝนขาและแขนของพวกเขา เขาไม่เคยเห็นใจ เพราะถ้าเห็นใจ เวลาพวกเขาเข้าสู่สนามรบจะตายไปอย่างรวดเร็ว เชลยไม่มีสหาย มีเพียงศัตรู' เอาเงินตัวเองซื้อเสบียงให้ทหารเชลย และยังเชี่ยวชาญกลยุทธจนทำให้ทหารทั้งใหม่และเก่ามีโอกาสรอดมากกว่าหน่วยอื่นมาก

เมื่อถูกบีบถึงตาย อาหล่างเถิงและจั่วชิงชิวหนีออกจากกองทัพมองโกล ทั้งคู่รอดชีวิตเพราะอาหลิง โดยอาหล่างเถิงกลับไปใช้ชื่อเดิมก่อนถูกจับเป็นทาสคือ จางหยาง ทั้งสองใช้ชีวิตร่วมกันในเมืองชายแดน และจางหยางยังได้เป็นหัวหน้ากองอารักขาที่สมาคมการค้าตั้งขึ้นเพื่อดูแลความเรียบร้อย สองสามีภรรยามีความสงบสุข เป็นที่ยอมรับเกินกว่าที่เคยฝันและเติบโตไปกับเมืองที่รุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อต้าเค่อข่านสิ้น พระอนุชาองค์ที่สอง ฮูปี้เลี่ย (กุบไลข่าน) แย่งชิงตำแหน่งกับซวี่เลี่ยอู้ ก็เกิดการรบเป็นวงกว้าง เมืองน้อยก็ถูกลาซูเข้าตี ชาวเมืองตัดสินใจต่อสู้ระหว่างไปขอความช่วยเหลือจากขั้วกำลังอื่น ...

เรื่องนี้ต้องบอกว่าเนื้อหารุนแรงโหดร้ายมากค่ะ ความสมจริงในยุคสงครามพูดได้ว่าดีเลยทีเดียว โดยเฉพาะถ้าคิดว่าเป็นนิยายที่วางในตลาดฝ่ายหญิง ติดเรทก็หนักหน่วงซึ่งก็รู้สึกว่าทำให้สะท้อนถึงความต้องการที่จะแย่งชิงปัจจุบันในความไม่แน่นอนได้ชัดเจน เห็นจิตสำนึกและความดีงามที่มาจากใจจริง ในช่วงหวานก็เล่นเอาน้ำตาลกระฉูด เดินเรื่องและจบลงอย่างไม่เป็นโศกนาฏกรรมโดยการมีส่วนร่วมของหลิงได้อย่างลงตัวกว่าเรื่องที่แล้วมาก (ถึงจะรู้สึกว่าบทส่งท้ายจะเหมือนฉากท้ายภาพยนต์ที่หยอดไว้สำหรับภาคต่อที่ cliche ไปไหม) เรื่องการแปลก็โอเคนะคะ ถึงจะมีสำนวนสมัยใหม่หลุดออกมาบ้างอย่างอัตราการรอดชีวิต หรือมีการใช้คำแปลกบ้างอย่างใช้อุจจาระแห้งเป็นเชื้อไฟแทนที่จะเป็นมูลแห้ง สรุปในภาพรวมคือโดดเด่นอย่างมาก จขบ. รู้สึกชอบมากที่สุดในชุดเสน่ห์เงามารที่อ่านมาทั้งเก้าเรื่องเลยค่ะ และเข้าไปอยู่ใน Quadrant สูงสุดของชุดมากกว่ารักอย่างสบายๆ
[25/05/16]

คู่มนตราสาปรัก

เคล มีความสามารถในการดูดพลังและรักษาคล้ายกับอวิ๋นเมิ่งที่ได้หลิงรับเลี้ยงไว้หลังแม่ถูกเผาในฐานะแม่มด เคลติดตามหลิงไปที่ต่างๆ และเมื่อเธอใช้พลังจนเป็นที่ต้องการของผู้มีอำนาจในเวนิสก็หนีไปอาศัยที่กระท่อมในป่าห่างไกล โดยผู้ติดตามของหลิง ซูเรีย ได้สร้างเขตแดนหมอกเป็นปราการไว้

บอนน์ เป็นลูกนอกสมรสของ ไซม่อน เลแมน นิโคลัส บารอนแห่งปราสาทชวาร์สและทาสติดที่ดิน มีชีวิตอย่างยากลำบากกับพ่อเลี้ยง หลังแม่ฆ่าตัวตายก็ถูกไล่ออกจากบ้าน บารอนเนสเห็นว่าหน้าเหมือน ไซม่อน ลูกชายเลยเอามารับโทษแทนลูก เมื่อบารอนทราบจึงส่งบอนน์ไปอารามนักบวช ทำให้ได้ศึกษาหนังสือ แต่บอนน์ก็หนีออกไปอีก ผจญภัยเป็นทหารรับจ้างหลายปี เมื่อถูกไล่ล่าก็หนีมาจนกลับถึงชวาร์ส พอดีเกิดโรคระบาด ไซม่อนคนลูกที่ป่วยหนักไร้ทายาทจึงแอบเปลี่ยนตัวกกับบอนน์ที่ตอนนั้นบาดเจ็บจนไม่รู้เรื่อง

บอนน์รับหน้าที่บารอนต่อโดยมี เซบาสเตียน อัศวินหัวหน้ากองทหารเป็นกำลังสำคัญ แต่โรคระบาดรุนแรงจนชาวบ้านเสียชีวิตจำนวนมาก บอนน์ต้องส่งเซบาสเตียนออกไปหาซื้ออาหารและของจำเป็นในที่ห่างไกล ตนเองพยายามหาทางอื่น รวมถึงการเข้าไปไปปล้นแม่มดในป่าตามคำบอกเล่าของเด็กหลง เคลที่ถูกนำตัวมาที่ปราสาทอย่างไม่เต็มใจก็เพิ่งได้เห็นความลำบากของชาวบ้าน ช่วยเหลือทั้งเรื่องอาหารและการรักษา และเพื่อกลบเรื่องเป็นแม่มดก็ยังแต่งงงานกับบอนน์โดยทั้งสองบอกว่าเคลเป็นธิดาพ่อค้าชาวเวนิสและมีอาที่ร่ำรวย

สภาพของบอนน์ถือว่าลำบาก สถานการณ์ของปราสาทชวาร์สง่อนแง่น นอกจากทุพภิกขภัยที่มาจากโรคระบาดและสภาพอากาศ บารอนรอบข้างก็ต้องการปล้นสดมภ์ช่วงชิง โดยเล็งบารอนหนุ่มคนใหม่ตาเป็นมัน ภายหลังหลิงที่ได้ข่าวการแต่งงานของเคลก็มาเยี่ยมและหาที่พักฟื้นหลังบาดเจ็บหนัก โดยมีซูเรีย จางหยาง และ จั่วซิ่วเยี่ย ติดตามคุ้มครอง ... หลังความวุ่นวายมากมาย หลิงที่ยอมรับความรู้สึกของตนต่อคุณชายซ่งก็ติดตามฉินอู๋หมิงเพื่อตามหาการเกิดใหม่ของวิญญาณคนรัก

จขบ. รู้สึกว่าเรื่องนี้เหมือนนิยายโรมานส์สมัยยุคกลางมากค่ะ เลยไม่รู้สึกถึงความแปลกใหม่น่าสนใจอะไรเป็นพิเศษ ยกเว้นกับความพยายามที่จะดูรายละเอียดในเรื่องแล้วสรุปให้ได้ว่าเรื่องเกิดที่ไหน ช่วงเวลาเท่าใด จากเรื่องโรคระบาด ก็มีแนวโน้มสูงที่จะอยู่ในช่วงกาฬมรณะ (Black Death) ที่เป็นการระบาดของกาฬโรคตั้งแต่ปี 1346–1353 ซึ่งก็สอดคล้องกับลักษณะการแต่งตัวใส่เกราะโซ่ของบอนน์ (ที่ความจริงก็ไม่ได้ถูกนะ) แต่ก็ทำให้ขัดแย้งกับการรัดหน้าอกหน้าท้องซึ่งมาช่วงศตวรรษที่ 16 ส่วนสถานที่ ดูจากชื่อ การส่งส่วย และจากใจผู้แต่งก็คิดว่าน่าจะเป็นเขตเยอรมันของจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ มีโอกาสสูงที่เกิดแถวป่าดำ (Schwarzwald) จากชื่อปราสาทของบอนน์และแม็กซ์ โดยตำแหน่งบารอนของบอนน์น่าจะเป็นแบบ Freiherr ที่ครอบครองที่ดินโดยมีอิสระ ส่วนทาสติดที่ดินน่าจะหมายถึง serf นะคะ

อ่านจากใจผู้แต่งท้ายเล่มก็ฮาดีค่ะ ในด้านรายละเอียดที่หาแทบตายถือว่าใช้ได้ แต่เหมือนเคยอ่านว่าชุดแต่งงานในยุคกลางเหมือนจะเป็นที่สีสดใสมาก (ชุดแต่งงานสีขาวเพิ่งเป็นที่นิยมสักสองร้อยปีมานี้เอง) การที่เคลคาดว่าน่าเป็นสีขาวดูจะผิดเวลาไปนิด และไม่แน่ใจด้วยว่าสมัยนั้นมืถือช่อดอกไม้เจ้าสาวด้วยหรือเปล่า ห้องใต้ดินที่เปิดโดยการดึงหนังสือแบบมนุษย์ค้างคาวก็ทำให้สงสัยว่าไปเอาพลังงานมาจากไหน 555 ชื่อของตัวละครและสถานที่ที่ดูปนๆ อย่างชื่อคอลลินส์ก็มีที่มาจากไอริช ทำให้อยากทราบว่าสะกดตัวละตินอย่างไร ฯลฯ

การแปลก็พบว่าอ่านได้โอเคนะคะ แต่ก็มีรู้สึกแปลกๆ ว่าไม่เหมือนนิยายโรมานส์ตะวันตก อย่างการใช้คำว่าโจ๊กที่ทำให้ได้อารมณ์อาหารตะวันออก การเรียกบอนน์ว่านายท่าน ซึ่งคิดว่าถ้าใช้มายลอร์ดที่ถึงเป็นภาษาอังกฤษก็น่าจะดูเป็นตะวันตกกว่า สุดท้ายคือไม่ค่อยเข้าใจว่าเรื่องลำดับญาติทำไมดูหลุดๆ คือเคลบอกว่าหลิงเป็นอา แต่มีคิดอธิบายว่าเป็นน้องของแม่ ซึ่งก็น่าจะเป็นน้านะคะ

สรุปในภาพรวมคือเป็นเรื่องที่ติดเรทไม่น้อย อ่านได้เรื่อยๆ แต่ไม่มีจุดที่ทำให้ประทับใจเป็นพิเศษมากนัก แนวคิดเรื่องการมองเทพก็น่าสนใจ แต่ถ้าคิดว่ารูปแบบจริงเป็นจีนก็ทำให้เกิดการตีความเพิ่มเติมด้านสังคมจิตวิทยาอีกนคะ สุดท้ายคือเรื่องนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของหลิง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าได้แสดงความขัดแย้งในใจจนถ้าไม่ได้อ่านก็จะไม่เข้าใจเรื่องของหลิง
[27/08/17]

คู่อุ่นไอร่ายรัก

เวินโหรว เป็นธิดาคนโตของเศรษฐีใหญ่ในซูโจวและภรรยาเอกที่มาจากตระกูลบัณฑิตตกต่ำซึ่งตรอมใจจนตาย อนุถูกยกขึ้นเป็นภรรยาเอกมีบุตรสาวสามบุตรชายหนึ่ง จัดการให้เวินโหรวเติบโดตมาในบ้านพักนอกเมือง ไม่ได้รับการอบรมอะไร เท้าไม่ได้ถูกมัด มีเพียง ป้าชุ่ย ที่เป็นคนของแม่ดูแล และยังส่งคนรับใช้เก่าที่ทำอะไรไม่ค่อยได้มาให้โดยไม่ให้เงินอะไรเพิ่มเติม อย่างคนขับรถขาเป๋ ลู่อี้ หรือญาติห่างๆ เวินอวิ๋นเซียง ที่ตาไม่ดี

เมื่อเวินโหรวอายุควรแต่งงานทางท่านเวินก็ไม่สนใจ เวินโหรวแอบออกหาเงินโดยการปลอมตัวเป็นชายชื่อ เวินจื่ออี้ สร้างธุรกิจทอผ้าโดยช่วยหญิงชาวบ้านยากแค้นให้มีงานทำและอดีตหญิงนางโลมให้มีทางไป ความสงบและความตรงไปตรงมาอย่างเงียบๆ สร้างความผูกพันกับ โจวชิ่ง ลูกชายของ โจวเป้า อดีตมหาโจรที่กลายเป็นจอมเผด็จการของเมือง หลังจากที่โจวเป้าป่วย โจวชิ่งก็เป็นผู้มีอิทธิพลอันโหดเหี้ยมต่อมา เป็นที่กลัวเกรงของคนในเมือง เมื่อเวินโหรวที่ถูกพ่อให้แต่งงานที่โหดร้ายก็ขอมีความสัมพันธ์กับ โจวชิ่งก็จัดการให้สกุลพ่อค้าใหญ่เดิมอันเป็นคนของพ่อล้มยกชุด จัดการให้เวินจื่ออี้เป็นเถ้าแก่ใหญ่หุ่นเชิดของตน ฝีมือของเวินจื่ออี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง กิจการรุ่งเรื่องในเวลาไม่กี่ปี

เวินโหรวดำรงชีวิตอย่างเงียบๆ ส่วนใหญ่อยู่ในฐานะเวินจื่ออี้ จนกระทั่งพบความจริงอันน่าสยดสยองว่าปีศาจครองเมืองซูโจวอย่างลับๆ เมื่อแปดร้อยปีก่อนปีศาจ ไป๋หลิน อาละวาดและถูกซ่งอิ้งเทียนสะกดไว้ในค่ายกล แต่เวลาผ่านไปนานจนผนึกอ่อนลง วิญญาณไป๋หลินหนีออกสิงร่างโจวเป้าและพยายามทำลายผนึกที่เหลือเพื่อนำร่างจริงออกมาโดยปีศาจในเมืองมาสวามิภักดิ์ แต่ก็มีพวกที่แอบต่อต้านที่สนับสนุนโจวชิ่งให้ผนึกไป๋หลิน ตัวแปรสำคัญคืออาหลิงดูแลร้านหนังสือให้ราชันอเวจีฉินอู๋หมิงที่พยายามช่วยอย่างไม่ผิดกฎ โดยเฉพาะเพื่อช่วยหลิงให้ยอมรับความผิดและขอโทษ ...

เรื่องนี้กำหนดว่าเกิดหลังจากยุคของซ่งอิ้งเทียนในราชวงศ์ถังแปดร้อยปี จึงสรุปว่าเกิดในช่วงราชวงศ์หมิง ซึ่งก็ตรงกับการที่มีการมัดเท้าอย่างแพร่หลาย เนี้อเรื่องเป็นรอยต่อสำคัญของการเปลี่ยนแปลงของหลิงค่ะ ถึงติดเรทพอดูแต่ในภาพรวมเป็นเรื่องที่สงบเงียบอบอุ่นและลึกซึ่งตามสไตล์ผู้แต่งนะคะ มีแขกรับเชิญจากเรื่องอื่นหลายคนเช่นปาหลางและเยี่ยอิง สำหรับเรื่องความสนุก จขบ. ว่าประมาณปกติของผู้แต่ง คือสูงกว่าค่าเฉลี่ยของมากกว่ารักเยอะค่ะ
[12/02/19]

คู่นิรันดร์พันภพ


คุณชายแห่งสำนักสนองฟ้า ซ่งอิ้งเทียน เกิดในครอบครัวหมอ พ่อเป็นหมอที่ต้งถิง ตาเป็นหมอปีศาจ และยังเรียนยันต์และข่ายอาคมกับอาจารย์ปู่ ฉีไป๋เฟิ่ง เพื่อป้องกันตัวจากสิ่งชั่วร้ายต่างๆ มีอาจารย์อาเป็นเจ้าของหอหงส์ ที่เชี่ยวชาญเรื่องปราบปีศาจ ศาสตร์ฉีเหมินตุ้นจย่า คัมภีร์อี้จิง ปากว้า

ระหว่างที่ซ่งอิ้งเทียนเดินทางไปช่วยอาจารย์อาจัดงานแต่งงานศิษย์น้องหญิงที่หยางโจว ได้ช่วยหญิงสาว หลิง ที่ลอยตามน้ำมา เธอบาดเจ็บหนัก ร่างถูกกัดแทะและแขนขาด แต่กลับรอดชีวิตอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งยังฟื้นฟูสภาพได้รวดเร็วมากเกินกว่าที่จะเป็นมนุษย์ และเลือดดึงดูดปีศาจ จากบันทึกเรื่องพิศดารมารปีศาจ ที่อาจารย์ปู่เขียน ซ่งอิ้งเทียนจึงรู้ว่าเธอเป็นแม่มดหอคอยขาวแห่งดินแดนโบราณทางตะวันตกที่อายุกว่าพันปี

เนื่องจากหลิงอาละวาดหนัก สามารถอ่านใจและควบคุมคนทั่วไปได้ ซ่งอิ้งเทียนที่ไม่ถูกควบคุมจึงพาหลิงมาอยู่บนเกาะปีศาจของท่านตา ริมทะเลสาบต้งถึง เมืองเยวี่ยโจว โดยใช้ประคำปราบมารควบคุมไม่ให้ใช้วิชามารอยู่หลายปี คนที่ได้พบกับหลิงมีไม่มาก เช่น หญิงดูแลบ้านไป๋ลู่ มือปราบซูเสี่ยวเม่ย คนทำเต้าหู้เหลยเฟิงและลูกสาวเหลยตงตง และภูตนกซูเรีย ทำให้หลิงเริ่มใช้ชีวิตและมีความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ระหว่างช่วงหลายปีบนเกาะ ซ่งอิ้งเทียนก็ปกป้องหลิงจากศิษย์น้อง พยายามหาทางแก้คำสาปถึงขั้นไปขโมยคทาวัชระสีนิลอันเป็นเครื่องมือเวทของเผ่าพันธุ์เทพจาก จาเอิ้งหลง เทพมังกรที่มีปีก และได้มีสัมพันธ์กับหลิง

หลังจากถูกขังบนเกาะสิบห้าปี หลิงก็หนีออกมา พบว่าโลกภายนอกมีการเปลี่ยนแปลงเช่นมีฮ่องเต้หญิง แต่ก็ยังถูกปี๗าจไล่ตามอยู่ดี ซ่งอิ้งเทียนที่ตามโดยอ้างเพื่อไล่จับปีศาจก็สามารถขอแต่งงานบนเรือได้ในที่สุด อย่าคิดว่าชาติหนึ่งมีเพียงร้อยปี ไม่เอ่ยคำว่าชั่วฟ้าดินสลาย ขอเพียงจับจูงมือกันเดินไปหมื่นลี้ แม้ไกลสุดขอบฟ้าจะไม่ทำเจ้าผิดหวัง

ทั้งสองออกเดินทางไปทั่วมหาสมุทร รักษาคน รับมือปีศาจ ตามหาตำรามนต์ดำเพื่อแก้คำสาป ได้พบราชันปีศาจเยี่ยอิ่งและไป๋หลินปีศาจใหญ่สมัยบรรพกาลที่ต้องการฝึกตนเป็นเทพ จึงกักขัง ฝูลวี่ ธิดาของราชันฉยงเหลียน และทำให้แล้งเพื่อฟักไข่ฉยงเหลียน ถึงซ่งอิ้งเทียนบาดเจ็บหนักก็ปกป้องหลิงจนวาระสุดท้าย และยังฝากฝังไว้กับพี่ใหญ่ฉินอู๋หมิง ถึงตอนนี้ก็กลายเป็นหลิงที่รอเวลาซ่งอิ้งเทียนเกิดใหม่ ...

เรื่องนี้เป็นจุดเปลี่ยนของหลิง ทำให้การดำเนินเรื่องช้าถึงช้ามาก เพราะค่อยๆ บรรยายถึงประสบการณ์และความรู้สึกของหลิงที่เปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ จากการอยู่ร่วมกับซ่งอิ้งเทียบเป็นเวลาหลายสิบปี คร่อมเวลาหลายเรื่องก่อนหน้าไปอย่างชิลด์ๆ แถมด้วยตัวเอกในเรื่องอื่นอีกเพียบ ในด้านหนึ่งก็รู้สึกละเมียดละไมดีงาม แต่ในอีกด้านคือรู้สึกว่ามันจะช้าอะไรอย่างนี้ สรุปความรู้สึกคือเป็นเรื่องสำคัญในชุดเสน่ห์เงามาร แต่อ่านแล้วเหนื่อยเพราะเดินเรื่องช้ามาก และมีการอ้างถึงตัวละครในเรื่องอื่นที่ลืมไปหมดแล้ว
[12/04/21]

ที่มา
[1] เฮยเจี๋ยหมิง (เสี่ยวเฟิงหลิง แปล). คู่ฝันคะนึง. ชุดมากกว่ารัก, แจ่มใสพับลิชชิ่ง, 2 เล่มจบ, 189 + 185 หน้า, 2557 (ต้นฉบับ 2005).
[2] เฮยเจี๋ยหมิง (เสี่ยวเฟิงหลิง แปล). คู่บุปผาข้ามภพ. ชุดมากกว่ารัก, แจ่มใสพับลิชชิ่ง, 2 เล่มจบ, 182 + 191 หน้า, 2557 (ต้นฉบับ 2007).
[3] เฮยเจี๋ยหมิง (เสี่ยวเฟิงหลิง แปล). คู่มายาปรารถนา. ชุดมากกว่ารัก, แจ่มใสพับลิชชิ่ง, 2 เล่มจบ, 209 + 191 หน้า, 2557 (ต้นฉบับ 2008).
[4] เฮยเจี๋ยหมิง (เสี่ยวเฟิงหลิง แปล). คู่ผจญมนตร์มาร. ชุดมากกว่ารัก, แจ่มใสพับลิชชิ่ง, 2 เล่มจบ, 252 + 243 หน้า, 2558 (ต้นฉบับ 2009).
[5] เฮยเจี๋ยหมิง (เสี่ยวเฟิงหลิง แปล). คู่หวนอวลอิง. ชุดมากกว่ารัก, แจ่มใสพับลิชชิ่ง, 2 เล่มจบ, 209 + 213 หน้า, 2558.
[6] เฮยเจี๋ยหมิง (เม่นน้อย แปล). คู่อสูรครวญรัก. ชุดมากกว่ารัก, แจ่มใสพับลิชชิ่ง, 2 เล่มจบ, 215 + 215 หน้า, 2558 (ต้นฉบับ 2011).
[7] เฮยเจี๋ยหมิง (เม่นน้อย แปล). คู่ชะตาอาญาใจ. ชุดมากกว่ารัก, แจ่มใสพับลิชชิ่ง, 2 เล่มจบ, 246 + 257 หน้า, 2559 (ต้นฉบับ 2012).
[8] เฮยเจี๋ยหมิง (เสี่ยวเฟิงหลิง แปล). คู่เคียงเรียงรัก. ชุดมากกว่ารัก, แจ่มใสพับลิชชิ่ง, 2 เล่มจบ, 256 + 304 หน้า, 2556.
[9] เฮยเจี๋ยหมิง (เม่นน้อย แปล). คู่แค้นสงครามรัก. ชุดมากกว่ารัก, แจ่มใสพับลิชชิ่ง, 2 เล่มจบ, 260 + 312 หน้า, 2559 (ต้นฉบับ 2014).
[10] เฮยเจี๋ยหมิง (เม่นน้อย แปล). คู่มนตราสาปรัก. ชุดมากกว่ารัก, แจ่มใสพับลิชชิ่ง, 3 เล่มจบ, 237 + 242 + 301 หน้า, 2560 (ต้นฉบับ 2016).
[11] เฮยเจี๋ยหมิง (เม่นน้อย แปล). คู่อุ่นไอร่ายรัก. ชุดมากกว่ารัก, แจ่มใสพับลิชชิ่ง, 2 เล่มจบ, 240 + 320 หน้า, 2562 (ต้นฉบับ 2018).
[12] เฮยเจี๋ยหมิง (เม่นน้อย แปล). คู่นิรันดร์พันภพ. ชุดมากกว่ารัก, แจ่มใสพับลิชชิ่ง, 4 เล่มจบ, 269 + 292 + 277 + 274 หน้า, 2564 (ต้นฉบับ 2019).


รายการนิยายจีนแปลไทย, ไทม์ไลน์หนังสืออิงประวัติศาสตร์/ย้อนยุค จีน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Spy×Family - Endo Tatsuya

ลำนำรักเทพสวรรค์ - ถงหัว

สืบลับฉบับคาโมโนะฮาชิ รอน - Amano Akira