Dr. Noguchi ด้วยใจนักสู้ - Mutsu Toshiyuki

เรื่อง Dr. Noguchi ด้วยใจนักสู้
โดย มุสึ โทชิยูกิ


เริ่มเรื่องในปีเมย์จิที่ 17 (ค.ศ. 1884) ที่อินาวะชิโร่ จังหวัดฟุกุชิมะ ครอบครัวโนงูจิมีพ่อ แม่ ลูกสาวและลูกชาย พ่อเคยเป็นทหารไอซึที่หลังจากรบแพ้ ก็ถูกกีดกันต่างๆ จนหันเข้าหาเหล้าและการพนัน ทำให้แม่ ชิกะ และพี่สาว อินุ ต้องทำงานอย่างยากลำบาก ส่วนลูกชาย เซซากุ เมื่อตอนเด็กประสบอุบัติเหตุไฟลวก มือซ้ายพิการ

เมื่อเซซากุอายุเจ็ดขวบได้ไปเรียนที่โรงเรียนประถมมิสึวะและพบว่าการเรียนเก่งทำให้ไม่ถูกแกล้งจึงพยายามอย่างหนักจนเมื่ออยุ่ประถมสี่ก็ได้เป็นหัวหน้านักเรียนช่วยสอน ถึงถูกนักเรียนคนอื่นแกล้งอย่างหนักก็สามารถสอนและได้รับการยอมรับตากนักเรียนอื่นจนตั้งเป้าอยากเป็นครู

หลังจบชั้นประถมเมื่อปี 1889 ก็เข้าเรียนต่อที่โรงเรียนอินาวาชิโร่ด้วยความช่วยเหลือของครู โคบายาชิ ซาคาเอะ โดยเซซากุได้สนิทกับเพื่อนร่วมชั้น อิซากะ โคซากุ ที่ต้องพาน้อง อาสึชิ มาเลี้ยงในห้องเรียนเพราะถูกแม่เลี้ยงและลูกติดสามคนบีบคั้น ทั้งสองไม่มีเงินจึงต้องขอรวบรวมหน้าหนังสือเรียนเก่ามาใช้ จนเซซากุได้ค่าจ้างจากการเป็นล่ามให้นักธรณีวิทยา ฮอปกิ้นส์ แต่ผลการเรียนดีทำให้เซซากุถูกกลั่นแกล้ง กว่าจะฝ่าฟันให้เป็นที่ยอมรับได้

ถึงมีผลการเรียนเยี่ยมยอด แต่เซซากุไม่สามารถเข้าโรงเรียนครูได้เพราะมือพิการ เพื่อนร่วมชั้นช่วยกันลงขันให้เซซากุไปผ่าตัดกับหมอ วาตานาเบะ คานาเอะ ที่จบจากอเมริกาและตั้งโรงพยาบาลไคโย ถึงหมอสามารถแยกนิ้วได้ แต่ก็งอขยับไม่ได้ เซซากุจึงเปลี่ยนเป้าหมายเรียนเป็นหมอและเข้าเป็นนักเรียนที่โรงพยาบาลไคโยเมื่อปี 1893 ถึงเซซากุถูกนักเรียนอื่นกีดกันก็ได้รุ่นพี่ บอนดะ ไดโซ ช่วยแนะนำให้บริหารนิ้วมือด้วยเม็ดวอลนัทจนใช้การได้ เซซากุได้มีโอกาสใช้กล้องจุลทรรศน์ในการวินิจฉัยโรคและดูแลของแม่บ้านที่เป็นโรคไข้กลับ (โรคติดต่อโปเรเลีย ที่น่าหมายถึง Borrelia recurrentis) จนาตานาเบะชื่นชมมาก

ปีต่อมา วาตานาเบะถูกเรียกตัวเป็นหมอทหารในสงครามนิชชิน (สงครามจีน-ญี่ปุ่น ครั้งที่ 1) ส่วนโคซากุก็ถูกระดมพลเพราะแม่เลี้ยงต้องการกำจัดเปิดทางให้ลูกตัวเอง เซซากุจึงพาอาสึชิไปฝากที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของบาทหลวง เบลมอนท์ ทั้งยังไปเรียนภาษาฝรั้งเศศกับเพื่อนนักเรียนแพทย์ โยชิดะ จนได้พบรักแรก ยามาอุจิ โยเนโกะ คุณหนูตระกูลหมอประจำตัวไดเมียว แต่โยเนโกะไปเรียนโตเกียวเพื่อเป็นหมอเพื่อสืบต่อเจตนารมณ์ของพ่อ

การเรียนแพทย์แบ่งเป็นการเรียนเทอมแรกสามปี และเทอมปลายเจ็ดปี โดยนักศึกษาแพทย์มหาวิทยาลัยเทไดได้รับการยกเว้นไม่ต้องสอบวัดผล เซซากุที่อายุสิบเก้าปีตั้งเป้าว่าจะผ่านให้ได้ถึงจะกลับบ้าน เมื่อบอนดะไปโตเกียวเพื่อเตรียมสอบภาคปลาย เซซากุก็ตามไปสอบด้วย ผลคือบอนดะเป็นหนึ่งในสองคนที่สอบผ่านภาคปลาย ส่วนเซซากุได้อันดับหนึ่งของภาคต้น ท่ามกลางการปรามาสของนักศึกษาแพทย์ ซากาตะ

เซซากุไม่มีเงินรอสอบภาคปลายปีหน้า จึงไปขอทำงานกับหมอ จิวากิ โมริโนะสุเกะ ที่เป็นเพื่อนของวาตานาเบะ ที่เสนอให้เข้าผ่าตัดมือที่เทไดในลักษณะทดลองเพื่อไม่ต้องเสียค่าผ่าตัด ผู้ผ่าตัดคืออาจารย์หมอ คาสึกะ โดยมีซากาตะเป็นผู้ช่วย เซซากุเข้าเรียนที่โรงเรียนกวดวิชาเซเซ ได้พบโยเนโกะที่รักกับเพื่อนร่วมชั้น โยเนซาว่า เซซากุจึงตัดใจและแอบช่วยโยเนโกะผ่านโยเนซาว่า ในการสอบภาคปลายปี 1897 เซซากุสามารถผ่านภาคปฏิบัติที่ต้องวินิจฉัยโรคเพราะคาสึกะช่วยตรวจซ้ำเพื่อยินยัน ส่วนทางไอซึ ชิกะที่ทำงานสนับสนุนลูกชายมาตลอดก็ฝึกเป็นหมอตำแยกับญาติ โนงูจิ คุม่า ด้วย

จิวากิแนะนำให้เซซากุสอนที่โรงพยาบาลทัตกรรมทาคายามะเพื่อเก็บเงินเปิดโรงพยาบาล แล้วย้ายไปโรงพยาบาลจุนเทนโด ทำหน้าที่แปลเอกสารและรวบรวมรายงาน แต่มีปัญหามือที่ทำให้คนไข้ไม่เชื่อถือ จนเซซากุผิดหวังทำตัวเละเทะ จนเห็นข่าวของ คิตะซาโตะ ชิบะซาบุโร่ ที่ทำวิจัยการแพทย์พื้นฐานเรื่องโรคบาดทะยัก จึงเข้าทำงานที่สถาบันค้นคว้าโรคติดต่อคิตะซาโตะ แต่หมอทุกคนที่นี่จบเทไดซึ่งรวมถึงซากาตะที่หลอกให้เซซากุแปลเอกสารให้ เมื่อเซซากุรู้เรื่องก็เละเทะอีกรอบก่อนรู้สึกตัวเพราะได้พูดคุยกับนางโลม ซูซูโยะ แล้วโต้กลับด้วยการเรียกเก็บเงินค่าแปลจากซากาตะ เมื่อ ซีมอน เฟล็กเนอร์ จากมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนียมาญี่ปุ่น เซซากุได้เป็นล่ามทำให้สตาฟคนอื่นเขม่นยิ่งขึ้น ให้หนังสือนิยายของ สึโบอุจิ โชโย ที่ตัวเอก โนงูจิ เซซากุ ชอบเที่ยวผู้หญิง เมื่อเซซากุกลับหมู่บ้านไปรักษาภรรยาของครูโคบายาชิ จึงขอให้ครูตั้งชื่อใหม่ ได้ ฮิเดโยะ ที่มาจากคำว่าคนฉลาดหลักแหลมและโลก

เมื่อกลับสถาบัน ฮิเดโยะช่วยปกปิดให้สตาฟที่ทำหนังสือราคาแพงหาย คิตะซาโตะที่พยายามช่วยมาตลอดจึงส่งไปทำงานที่ด่านกักกันโรคติดต่อท่าเรือโยโกฮาม่า ฮิเดโยะได้ทำงานตรวจโรคที่หน้าด่าน สามารถตรวจพบกาฬโรค คิตะซาโตะจึงส่งเป็นหนึ่งในตัวแทนคณะแพทย์จากญี่ปุ่นไปช่วยวิจัยกาฬโรคที่จีน ระหว่างเดินทางก็ช่วยลูกเรือชาวจีนพร้อมเรียนภาษาจีนไปด้วย เมื่อถึงเมืองจีนก็ช่วยรักษาชาวบ้านยากจน พยายามป้องกันการระบาด เมื่อคณะแพทย์ญี่ปุ่นเดินทางกลับก็อยู่ต่อที่เมืองฮานตุง ทหารรัสเซียบุกเข้าจีน เมื่อทหารจำนวนมากป่วยเป็นโรคเหน็บชา ฮิเดโยะลองรักษาด้วยข้าวซ้อมมือ สนิทสนมกับทหารแพทย์อนามัย โฮโบสกี้ ที่อยากเป็นหมอ มีความสัมพันธ์อันดีกับชาวบ้าน แต่เมื่อนักศึกษาจีนนำคนบุกโจมตีทหารต่างชาติ ฮิเดโยะก็ต้องกลับญี่ปุ่น

ปี 1900 ฮิเดโยะเดินทางไปอเมริกา ช่วยดูแลคนญี่ปุ่นที่ย้ายถิ่นฐานไปอเมริกา รักษาคนในเรือและระหว่างเดินทางข้ามทวีปไปฟิลเดลเฟียเพื่อขอทำงานกับเฟล็กเนอร์ ได้งานรีดพิษงูด้วยค่าจ้างสุดถูก แสดงความสามารถปฐมพยาบาลเพื่อนร่วมงาน แซม ที่ถูกงูกัด

[31/12/23]

ที่มา
[2] Mutsu Toshiyuki. Dr. Noguchi ด้วยใจนักสู้. วิบูลย์กิจคอมมิกส์, 17 เล่มจบ, 2538-2541 (ต้นฉบับ 1993-1997).


รายการการ์ตูนญี่ปุ่น, ไทม์ไลน์หนังสืออิงประวัติศาสตร์/ย้อนยุค ญี่ปุ่น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Spy×Family - Endo Tatsuya

ลำนำรักเทพสวรรค์ - ถงหัว

สืบลับฉบับคาโมโนะฮาชิ รอน - Amano Akira