The Master of Disguise - Antonio J. Mendez

เรื่อง The Master of Disguise: My Secret Life in the CIA
โดย Antonio J. Mendez


ปก The Master of Disguiseแอนโทนิโอ เมนเดซ (Antonio Mendez) เป็นลูกหลานตระกูลบุกเบิกตะวันตกแถวรัฐเนวาดา ตอนเกิดในปี 1940 พื้นฐานครอบครัวลำบากมาก พ่อเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในเหมืองตั้งแต่เมนเดซยังไม่ถึงสามขวบ ทิ้งลูกกำพร้าไว้สี่คน แม่เลยไปอาศัยกับยายก่อนแต่งงานใหม่ พ่อเลี้ยงมีปัญหาเรื่องเหล้า การพนัน และตกงาน ทำให้เมนเดซต้องช่วยเหลือตัวเองและครอบครัวมาแต่เด็ก ได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย แต่ครอบครัวมีปัญหาจนหยุดเรียน

เมนเดซพบรักกับ คาเรน (Karen) สาวรุ่นน้องโรงเรียนเลยแต่งงานกันเมื่อปี 1960 มีลูกด้วยกันสามคน ก่อนเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเมื่อปี 1986) ระหว่างนี้เมนเดซก็ทำงานเป็นช่างประปา ช่างเขียนแบบและช่างศิลป์วาดรูปสินค้าของโรงงานให้อุปกรณ์ทางทหารและนาซ่า เปิดกิจการออกแบบและผลิตชิ้นส่วน ฯลฯ

เมื่อปี 1965 เมนเดซยื่นใบสมัครงานไปตามประกาศหาลูกจ้างพลเรือนของกองทัพเรือตำแหน่งช่างศิลป์ แต่กลายเป็นงานของซีไอเอ (Central Intelligence Agency, CIA) หลังจากการสัมภาษณ์และผ่านเครื่องจับเท็จก็ได้ทำงานที่หน่วยศิลป์ของแผนกบริการทางเทคนิค งานหลักคือการปลอมแปลงเอกสาร โดยเฉพาะเอกสารประจำตัวของประเทศอื่น หลังจากพยายามเต็มที่ ก็ได้เข้าฝึกที่เดอะฟาร์ม (The Farm) เพื่อทำงานสนับสนุนภาคสนาม

เมนเดซได้ไปประจำการที่ฐานทัพโอกินาวา ในปี 1968 เข้าใจว่าทำงานไปทั่วเอเซียทางตะวันออกตามความต้องการของหน่วยปฏิบัติการ โดยเริ่มต้นเน้นการปลอมแปลงเอกสาร ก่อนได้เริ่มมีส่วนในปฏิบัติการโดยตรง และเริ่มพัฒนาเทคนิคการปลอมแปลงบุคคล โดยมี จาคอบ (Jacob) เป็นทั้งหัวหน้าและพี่เลี้ยง ในเล่มมีเล่าเรื่องงานบางงาน อย่างการลักลอบนำบุคคลออกนอกประเทศ เช่น เวียดนาม ฯลฯ บางทีก็ไม่ยอมบอกว่าประเทศไหน

เมนเดซพัฒนาระบบปลอมตัวให้สายลับ จนถึงสร้างเอกสารปลอมเพื่อป้องกันไม่ให้เวียดนามเหนือไปฟ้องศาลระหว่างประเทศเกี่ยวกับเรื่องอาชญากรรมสงครามที่กุขึ้น (แต่ จขบ. คิดว่าอย่างน้อยเรื่องฝนเหลืองหรือ Agent Orange ก็จริงล่ะนะ) โดยจำเป็นจะต้องหยุดให้ได้ในลาวหรือไทย แน่นอนว่าในฐานะคนไทยก็คงต้องทำใจ โดยเฉพาะเรื่องที่เจ้าหน้าที่ไทยโดนหลอก

เมื่อปี 1974 เมนเดซก็กลับไปประจำสำนักงานใหญ่ ระหว่างนั้นซีไอเอกำลังมีปัญหาหนักเรื่องคดีวอเตอร์เกตและสงครามในอินโดจีน มีการเปลี่ยนแปลงผู้อำนวยการและการทำงานอย่างมาก หน่วยงานถูกเปลี่ยนชื่อเป็นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เมนเดซเริ่มมีงานบริหารในตำแหน่งหัวหน้าแผนกปลอมตัว (Chief of Disguise) และเลื่อนสูงขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังได้ทำงานภาคสนามด้านบ่อยครั้งในเอเซียและที่สำคัญคือ โซเวียต แดนสนธยาที่ถือว่าเป็นสุดยอดของความยากในการทำงาน โดยเฉพาะการปลอมแปลงคัดลอกเอกสาร พาคนเข้าหรือออกนอกประเทศ และปลอมตัว ที่ทำให้ได้ เจอโรม คัลโลเวย์ (Jerome Calloway) ที่ทำงานด้านสเปเชียลเอฟเฟคในฮอลลีวูดมาเป็นที่ปรึกษา

งานที่มีชื่อที่สุดคงเป็นการลักลอบนำเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐในอิหร่านหนีเมื่อปี 1980 ที่ได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนต์เรื่อง 'ARGO' โดย เบน แอฟเฟล็ก (Ben Affleck) สวมบทเมนเดซ ในหนังสือมีรายละเอียดมากกว่าและที่ไม่เหมือน เช่น เมนเดซเคยพาคนหนีออกนอกอิหร่านเมื่อแปดเดือนก่อน ทูตแคนาดาได้ให้คนอเมริกันซ่อนอยู่ในบ้านสองหลัง และมีทูตของอีกสองประเทศที่รู้เรื่องและหาทางช่วยด้วย ทางแคนาดาให้พาสปอร์ตเปล่าซีไอเอไปหลายชุด ทำให้เตรียมแนวทางการหนีไปให้เลือกหลายแบบ ทั้งไปพร้อมกันหมดหรือไปเดี่ยว ซึ่งทางผู้หนีได้เลือกว่าจะเอาแบบฮอลลีวูดตามคำแนะนำ ในการหนีก็ออกไปจากบ้านทูตพร้อมกันเลยครั้งเดียว เรื่องเอกสารที่สนามบินก็ไม่มีเพราะเจ้าหน้าที่ไม่ได้ตรวจหรือถามอะไร สรุปว่าออกไปได้โดยสวัสดิภาพอย่างไม่จวนตัว เรื่องแตกเพราะนักข่าวที่รู้อยู่แล้วว่ามีคนซ่อนตัวอยู่ แต่ยอมรอคนหนีได้ก่อน นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ซีไอเอที่ไปก็มีสองคน อีกคนใช้ชื่อ จูลิโอ (Julio) งานนี้เจ้าหน้าที่ทั้งสองได้รับ Intelligence Star ที่เป็นเหรียญกล้าหาญระดับสองของซีไอเอ

เมนเดซได้เลื่อนขั้นเป็น Senior Intelligence Service หรือ SIS-1 ที่เทียบเท่านายพล ในปี 1986 ได้รับตำแหน่งหัวหน้าแผนกกราฟิกและการยืนยันตัวตน (Chief of the Graphics and Authentication Division) มีผลงานด้านการพัฒนาระบบให้ทันสมัยด้วยคอมพิวเตอร์และฝึกสอนเจ้าหน้าที่รุ่นใหม่ เกษียณออกจากซีไอเอเมื่อปี 1990 แต่งงานกับ จอนนา โกเซอร์ (Jonna Goeser) ที่เคยเป็นหัวหน้าแผนกปลอมตัวด้วย และในงานครบ 50 ปีการก่อตั้งซีไอเอเมื่อปี 1997 เมนเดซก็ได้ถูกเลือกเป็นหนึ่งในห้าสิบผู้บุกเบิกของซีไอเอ (CIA Trailblazer) ถึงความสามารถ แบบอย่าง หรือ สร้างการริเริ่มที่ส่งผลต่อประวัติของซีไอเอ

หนังสือนี้เป็นอัตชีวประวัติของสายลับที่เป็นพระเอกใน 'ARGO' (2012) หรือ 'อาร์โก้ แผนฉกฟ้าแลบ ลวงสะท้านโลก' ที่ จขบ. ดูแล้วชอบมากคนลองมาค้นเพิ่มนี่แหละค่ะ ในเล่มมีเรื่องเหตุการณ์ในงาน Canadian Caper แต่ข้อมูลก็ไม่มากนักและไม่ค่อยเหมือนในภาพยนต์ ถ้าจะเอาจริงคงต้องหาเล่ม 'Argo: How the CIA and Hollywood Pulled Off the Most Audacious Rescue in History' ที่ผู้แต่งเพิ่งพิมพ์เมื่อปี 2012 มาอ่านเพิ่ม

เล่มนี้อ่านแล้วก็รู้สึกว่าสนุกมาก โครงเรื่องไปเร็ว แต่แน่นอนว่าเนื้อหาข้ามๆ รายละเอียดไปเยอะ และต้องอ่านแบบฟังหูไว้หูให้มากไว้ โดยเฉพาะเรื่องโปรอเมริกาเต็มที่ นอกเหนือจากเรื่องหลัก จขบ. รู้สึกว่าเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองดูเท่ขึ้นมากในฐานะผู้รักษาความมั่นคงด่านแรก และควรต้องได้รับการฝึกและมีความรอบคอบช่างสังเกต อย่างเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองคนหนึ่งพลิกดูพาสปอร์ตราชการของเมนเดซ ตอนส่งกลับอย่างหน้าตายก็เอานิ้วมือสร้างคำโดยปิดตัวอักษรสี่ตัวแรกและตัวสุดท้ายในคำ OFFICIAL บนหน้าปก เหลือเพียง CIA เมนเดซที่ตอนนั้นประสบการณ์โชกโชน ก็รับกลับมาอย่างไม่ว่าอะไรเหมือนกัน...
[16/05/13, 16/08/22]

ที่มา
[1] Antonio J. Mendez & Malcolm McConnell. The Master of Disguise: My Secret Life in the CIA. William Morrow, 376 pages, 2000.


รายการหนังสืออังกฤษ, ไทม์ไลน์หนังสืออิงประวัติศาสตร์/ย้อนยุค สหรัฐอเมริกา, ไทม์ไลน์หนังสืออิงประวัติศาสตร์/ย้อนยุค สงครามเย็น-ปัจจุบัน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Spy×Family - Endo Tatsuya

ลำนำรักเทพสวรรค์ - ถงหัว

สืบลับฉบับคาโมโนะฮาชิ รอน - Amano Akira